Hot Issue

ใหญ่ไม่ใหญ่โตไม่โตก็ดูจากตัวเลขที่บ่งชี้ถึงการเติบโตของตลาดนี้มีมูลค่าถึง 294,000  ล้านบาทสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ 220,000  ล้านบาท  เติบโตถึง 81% เหนือจากที่คาดการณ์ไว้ถึง 35% โดยในสัดส่วนการเติบโตนี้มาจากการซื้อ-ขายในประเทศ 37% และซื้อขายข้ามพรมแดนถึง 63%

31 พ.ค.นี้เป็นอันสิ้นสุดกันทีไม่ว่าชาตินี้ชาติไหนที่รัฐบาลจะอุ้มอีกหรือไม่ เพราะเท่านี้ก็ไปกู้มาอุ้มจนหมดตูดแถมติดลบบานเบอะกุ้มใจไม่มี ล.ลิงแล้วสำหรับมาตรการตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร ดีเดย์ 1 พ.ค.นี้เป็นต้นไปได้เวลารัฐบาลลุงตู่ปลดล็อคเกียร์มือเลิกแล้ว

กลายเป็นประเด็น Talk of the town ที่ถูกสังคมพูดถึงเป็นวงกว้างแถมยังถูกลากไปกระทำมิดีมิร้ายผ่านคอมเมนต์เชิงลบสนั่นหวั่นไหวในโลกโซเชียลไปแล้วสำหรับระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น หรือ M-Flow ที่ถูกมองว่าไม่โฟลว์โก้หรูสมชื่อจริงหลังกรมทางหลวงได้เปิดให้บริการเต็มรูปแบบใน 4 ด่านนำร่อง

ลอจิสติกส์ที่ยืดหยุ่นเกิดขึ้นได้โดยอาศัยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบวิเคราะห์ข้อมูลที่สามารถคาดการณ์เกี่ยวกับความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างฉับพลัน และสามารถระบุได้ว่าจะต้องปรับเพิ่มขยายหรือลดขนาดตรงจุดใดของซัพพลายเชนเพื่อรับมือกับสถานการณ์ 

เข้าสู่โค้งสุดท้ายปลายปีเต็มแก่ไม่รู้อะไรไล่งวดกวดหลังเข้าไปทุกขณะภาวะเศรษฐกิจขาลง-ไวรัสมหาประลัยโควิด-ปฏิทินกาลเวลากันแน่สำหรับสมรภูมิตลาดรถใหญ่เมืองไทยทั้งเวทีญี่ปุ่นและยุโรป ที่เหลืออีกเพียง2เศษๆเท่านั้น ค่ายไหนโห่นำขบวนค่ายไหนกินบ๋วยซดน้ำตาต่างน้ำเราไปดูกัน

ยังดราม่าไม่จบสำหรับประเด็นร้อนทะลุองค์กรม้าเหล็กไทยกรณีรถไฟดีเซลราง Secound Hand อายุใช้งานแล้ว 30-40 ปีจากแดนซามูไรจำนวน 17 คันที่การรถไฟฯได้บริจาคจากบริษัท JR Hokkaido ประเทศญี่ปุ่น ทว่า ต้องควักกระเป๋า 42.5 ล้านเป็นค่าขนส่งเอง  ได้ประกาศผลจัดซื้อจัดจ้าง เคาะราคาค่าขนย้ายรถไฟมือสองดังกล่าว

คมนาคมขนส่งทางรางไทยนาทีนี้ไม่พูดถึงไม่ได้สำหรับ “สถานีกลางบางซื่อ”อัครสถานศูนย์กลางรถไฟไทยหลังเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการ(Soft Opening)ไปพร้อมๆกับรถไฟชานเมืองสายสีแดงบางซื่อ-รังสิตและบางซื่อ-ตลิ่งชันเมื่อ 2 ส.ค.ที่ผ่านมาเป็นระยะเวลา 3 เดือน

หากโรคอัลไซเมอร์ไม่ลักพาตัวหนีไปเที่ยวหลบควันพิษไวรัสมหาประลัยโควิด-19 แล้วล่ะก็ คงพอจำกันได้กับข่าวช็อคแวดวงส่งด่วน-อีคอมเมิร์ซ-ธุรกิจออนไลน์เมื่อกลางเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาหลังบริษัท“อัลฟ่าฯ”ผู้ให้บริการส่งพัสดุดังไปต่อไม่ไหวประกาศโบกมือลากิจการในไทยพร้อมบอกเลิกจ้างพนักงานทั้งหมด

ธุรกิจที่มาแรงจนสามารถโตแบบก้าวกระโดดสวนกระแสเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก คงหนีไม่พ้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซและธุรกิจโลจิสติกส์ ที่เข้ามาตอบโจทย์วิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ได้แบบตรงจุด

หากโรคอัลไซเมอร์ไม่ลักพาตัวไปเที่ยวก่อนเวลาอันควรคงพอจำกันได้กับไอเดียบรรเจิดของท่านรมต.คมนาคม“ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ที่ประกาศเปรี้ยงปร้างไว้เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนก.ค. 2562