ปตท.เผยโฉมเทคโนโลยีน้ำมันสูตรใหม่! “PTT UltraForce Diesel” นวัตกรรมความแรงสูตรพิเศษรายแรกของโลก

0
278

ปตท. ตอดย้ำความเป็นผู้นำตลาดด้วยการเผยโฉมเทคโนโลยีน้ำมันสูตรใหม่ “PTT UltraForce Diesel” lสุดยอดนวัตกรรมความแรงผสมสารสูตรพิเศษรายแรกของโลก ยั้ำเป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกพัฒนาเพื่อสมรรถนะสูงสุดในการขับขี่ ช่วยให้เครื่องยนต์เร่งแรงเต็มกำลัง ตอบสนองทุกคำสั่ง คืนความสะอาดให้เครื่องยนต์สะอาดเหมือนใหม่ ในราคาเดิม พร้อมพิสูจน์ให้พิสูจน์ความสุดยอดได้แล้ววันนี้ที่ปั๊ม ปตท.ทั่วประเทศ

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นอกจากภารกิจในการดูแลความมั่นคงทางพลังงานให้คนไทยได้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเพียงพอและทั่วถึงแล้ว ตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา ปตท. ยังเป็นผู้นำในนวัตกรรมน้ำมันเชื้อเพลิงมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงมีคุณภาพได้มาตรฐานระดับสากล ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาโดยสถาบันนวัตกรรม ปตท. ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีขีดความสามารถสูงเฉพาะทางในสาขาปิโตรเลียมและปิโตรเคมี ที่มุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องตลอดมา

“ปตท.มั่นใจอย่างยิ่งว่าผลิตภัณฑ์ PTT UltraForce Diesel น้ำมันดีเซลสูตรใหม่ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นด้วยความแรงและความสะอาดที่เหนือกว่า จะสามารถครองใจผู้บริโภคได้ไม่แพ้ผลิตภัณฑ์ในอดีตที่ประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี โดยปตท.ให้ความสำคัญการพัฒนาคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง โดยได้มีการศึกษาความต้องการของผู้บริโภคเกี่ยวกับประสิทธิภาพน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ที่พัฒนาให้มีสมรรถนะที่สูงขึ้นอยู่เสมอ เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงของ ปตท. เพื่อให้ได้น้ำมันเชื้อเพลิงสูตรพิเศษ ที่ทำให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้เต็มสมรรถนะ และมีประสิทธิภาพตรงตามความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด นำไปสู่การพัฒนาและวิจัยจนได้เทคโนโลยีน้ำมันดีเซลสูตรใหม่นี้ ด้วยสารเติมแต่งสูตรพิเศษที่ใช้เป็นรายแรกของโลก ที่จะช่วยให้รถยนต์แสดงสมรรถนะของเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในราคาเท่าเดิม”

นอกจกานี้ นายเทวินทร์ กล่าวอีกว่าPTT UltraForce Diesel คือเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลทุกประเภท รวมถึงเครื่องยนต์สมัยใหม่ระบบคอมมอนเรล ด้วยประสิทธิภาพการทำความสะอาดอันทรงพลัง ช่วยคืนความสะอาดให้กับหัวฉีดน้ำมันในระยะเวลาอันรวดเร็ว ทำให้หัวฉีดสะอาดเหมือนใหม่ตลอดเวลา ผสมกับสารเพิ่มค่าซีเทน ช่วยให้ค่าซีเทนเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดที่เครื่องยนต์ต้องการ ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานสากล โดยน้ำมันดีเซลได้รับมาตรฐาน CEC F-98-08 (DW-10B) ช่วยให้เครื่องยนต์จุดระเบิดเร็ว อัตราเร่งแซงดี ด้วยสารเพิ่มค่าซีเทน และคืนความสะอาดให้หัวฉีดกลับมาเหมือนใหม่อย่างรวดเร็ว ป้องกันรูหัวฉีดตัน ช่วยให้น้ำมันฉีดเป็นฝอยละออง เผาไหม้สมบูรณ์ อีกทั้งยังช่วยปกป้องเครื่องยนต์ ด้วยสารยับยั้งการกัดกร่อน ที่จะสร้างชั้นฟิล์มปกคลุมพื้นผิวโลหะ ป้องกันการเกิดสนิมในระบบเชื้อเพลิง นอกจากนี้ ยังมีสารป้องกันการเกิดฟอง ที่จะช่วยให้เครื่องยนต์เดินเรียบไม่สะดุด ทำให้เครื่องยนต์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

“น้ำมันดีเซลพรีเมียม ได้รับการทดสอบเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรว ยูโร 5 (IDID) ตามมาตรฐาน CEC F-110-16 (DW-10C) เป็นน้ำมันมาตรฐานยูโร 5 ค่ากำมะถันต่ำกว่า 10 ppm ที่มีค่าซีเทนสูงขึ้นถึงระดับขีดสุดที่เครื่องยนต์ต้องการ ทำให้เครื่องยนต์มีพลังเพิ่มขึ้น เร่งแรงดั่งใจต้องการ พร้อมสารทำความสะอาดสูตรเข้มข้นพิเศษ ช่วยให้หัวฉีดสะอาดตั้งแต่ถังแรกที่เติม ซึ่งน้ำมันดีเซล พรีเมียมของ ปตท. ถือว่ามีคุณภาพมาตรฐานสูงสุด และราคาถูกที่สุดในตลาดน้ำมันดีเซลพรีเมียมในประเทศไทย”

อย่างไรก็ดี นายเทวินทร์ กล่าวสรุปปิดท้ายว่า PTT UltraForce Diesel เป็นเทคโนโลยีน้ำมันดีเซลที่ ปตท. ภูมิใจนำเสนอเพื่อแสดงศักยภาพนวัตกรรมน้ำมันแห่งความแรง ยกระดับมาตรฐานคุณภาพน้ำมันของ ปตท. ขึ้นไปอีกขั้น ผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการและการพิสูจน์โดยผู้เชี่ยวชาญทั้งในสนามแข่ง และการขับขี่จริง ด้วยสมรรถนะที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ทั้งในเรื่องของความแรงและการปกป้องดูแลเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์สะอาด ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และในอนาคต เทคโนโลยี UltraForce นวัตกรรมแห่งความแรงสูตรใหม่ของ ปตท. นี้ ก็จะไปอยู่ในน้ำมันทุกชนิดของ ปตท. รวมทั้งกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์อีกด้วย

“ปตท. ยังคงมุ่งมั่นคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมอันโดดเด่น เพื่อสร้างความแตกต่างทางธุรกิจ ควบคู่ไปกับพัฒนาแนวคิดในการดำเนินการสถานีบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ตลอดจนสร้างสรรค์สินค้า บริการ และกิจกรรมต่างๆ ให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วน รวมทั้งเป็นศูนย์กลางของชุมชน เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนในสังคมได้เติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน”