บทสรุปการศึกปะทะเดือดทะลุเดือดสมรภูมิรถใหญ่เมืองไทยหลังสิ้นเสียงนกหวีดลากยาวเมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา จากสถิติจำนวนรถใหม่ (ป้ายแดง) ที่จดทะเบียนทั้งประเภทรถบรรทุกและรถโดยสารที่รวบรวมโดยกรมการขนส่งทางบก พบว่าตลาดรถจากแดนซามูไร ความยิ่งใหญ่ยังตกเป็นของ 2 ค่ายมหาอำนาจอย่าง “อีซูซุ”และ “ฮีโน่” โดยค่ายอีซูซุยังครองความเป็นเจ้าตลาดอย่างเหนียวแน่นด้วยยอดขาย 14,385 คัน ส่วนพี่รองตกเป็นของค่ายฮีโน่เจ้าเก่าด้วยยอดขาย 12,035 คัน ส่วนอันดับสามเป็นของค่ายยูดี 729 คัน
ฟากตลาดรถใหญ่สายพันธุ์ยุโรป ค่ายยักษ์ใหญ่จากสวีเดนอย่างสแกนเนีย แตะคันเร่งเบียดคู่แข่งเข้าป้ายในฐานะ “เจ้าตลาด”เป็นผลสำเร็จเป็นปีแรกด้วยยอดขาย 609 คัน ส่วนค่ายยักษ์ใหญ่จากสวีเดนอีกค่ายอย่างวอลโว่ ที่เคยยึดหัวหาดเจ้าตลาดมานานหล่นเป็นอันดับสองด้วยยอดขาย 589 คัน ส่วนอันดับสามตกเป็นของค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้วยยอดขาย 116 คัน และค่าย MAN (เอ็ม.เอ.เอ็น.)ด้วยยอดขาย 75 คันตามลำดับ
ทั้งนี้ หลังแหวกม่านปีศักราชใหม่ 2561 ได้ไม่นาน หลายค่ายรถใหญ่เริ่มขยับตัวพร้อมเดินเครื่องกลยุทธ์การตลาดกันบ้างแล้ว โดยล่าสุด ดัมพ์แมนโชว์ มีโอกาสร่วมตีวงล้อมเสวนาประสาข่าวกับผู้บริหารระดับสูงของค่ายยักษ์ใหญ่สแกนเนียในฐานะแชมป์รถใหญ่ยุโรปป้ายแดงกับงานแถลงข่าวจัดกิจกรรมการแข่งขัน Scania Top Team 2018 เมื่อ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา
โดยค่ายสแกนเนีย ประกาศแชมป์ตลาดรถใหญ่ยุโรปปี 60 ปลื้มยอดขายพุ่ง 609 คัน โตทะยานกว่า 30 % เดินเครื่องกลยุทธ์ตลาดปี 61 เต็มสูบ เน้นสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ผุดระบบบริหารจัดการฟลีทรถ และแผนการบำรุงรักษาเพื่อการใช้งานเต็มประสิทธิภาพ เป็นแรงส่งให้ยานพาหนะลูกค้าพร้อมใช้งานสูงสุด พร้อมแตะคันเร่งพุ่งชนเป้า 790 คันโตเพิ่มกว่า 34 % ชี้รถใหญ่คันแรกคลอดจากโรงงานประกอบฯปลายปีนี้ ยันพร้อมเปิดไลน์ประกอบเต็มพิกัดต้นปีหน้า เตรียมปักหมุดศูนย์ฯแห่งที่ 11 ที่สมุทรสาคร จ่อเปิดตัวรถรุ่นใหม่เร็วๆนี้ ย้ำแข็งแกร่งพอที่จะรักษาความเป็นผู้นำต่อเนื่อง
คาดปี 61โตเพิ่มกว่า 34 % กับเป้ายอดขายที่ท้าทาย 790 คัน
โดยบิ๊กบอสแห่งค่ายสแกนเนียอย่างมร.สเตฟาน ดอร์สกี กรรมการผู้จัดการ บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดรถใหญ่ปี 2560 ว่า โดยรวมแล้วมียอดการจดทะเบียนลดลง แต่ในทางกลับกันการเติบโตของสแกนเนียในประเทศไทยมียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 30 % โดยยอดขายรวมอยู่ที่ 609 คัน แบ่งเป็นรถบรรทุก 472 คันโตเพิ่มสูงขึ้น 24 % ส่วนรถโดยสาร 137 คัน โตเพิ่มสูงขึ้น 27 % ถือเป็นปีแห่งการเติบโตแบบก้าวกระโดดของแบรนด์สแกนเนียในประเทศไทย อีกทั้งการให้บริการหลังการขายก็มียอดเติบโตเพิ่มสูงขึ้นถึง 25 % อีกด้วย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความพึงพอใจของลูกค้าในการให้บริการของสแกนเนีย
“ปัจจัยบวกที่ช่วยหนุนให้สแกนเนียเติบโตอย่างก้าวกระโดดมาจาก 3 ปัจจัยหลัก อย่างแรกเป็นเรื่องของทีมงาน ที่มุ่งมั่นตั้งใจกับการบริการลูกค้า ด้วยการเสริมสร้างและพัฒนาทีมงานด้วยองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อให้สามารถดูแลลูกค้าในเรื่องการดูแลและซ่อมบำรุง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้ลูกค้า และการลดการ break down อย่างที่สองคือคุณภาพของสินค้า โดยเครื่องยนต์สแกนเนีย เป็นที่ขึ้นชื่อและเป็นที่ยอมรับของลูกค้าอยู่แล้ว ซึ่งมีโดดเด่นด้านการประหยัดน้ำมัน ทนทานและง่ายต่อการใช้งาน อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสุดท้ายเป็นเรื่องของการทำสัญญาซ่อมและบำรุงรักษา หรือ Repair and Maintenance Contract (R&M) กับสแกนเนีย ที่ตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละคนได้เป็นอย่างดี”
นอกจากนี้ มร.สเตฟาน ระบุอีกว่าส่วนปี 2561 นี้ เราตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 790 คัน แบ่งเป็นรถบรรทุก 650 คัน และรถบัสโดยสารอีก 140 คัน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ท้าทายกับการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 34 % หากเราสามารถทำเป้าได้สำเร็จ โดยปีนี้เราจะเน้นกลยุทธ์ด้านการบริการหลังการขายเป็นสำคัญ เพื่อเพิ่มความพึงพอใจและช่วยขับเคลื่อนผลกำไรให้กับลูกค้าในธุรกิจขนส่งอย่างยั่งยืน ส่วนโรงงานประกอบรถบรรทุกและแชสซีส์รถโดยสารที่กำลังก่อสร้างก็พร้อมประกอบรถโดยสารคันแรกปลายปีนี้ และพร้อมเปิดโรงงานประกอบฯอย่างเป็นทางการต้นปีหน้า ส่วนรถรุ่นใหม่ที่ได้เปิดตัวไปแล้วในยุโรป และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แต่การเปิดตัวที่เมืองไทยนั้น ผมพร้อมให้ข้อมูลและความชัดเจนมากกว่านี้ในไตรมาสที่สองของปีนี้ และผมมั่นใจในศักยภาพและความแข็งแกร่งของสแกนเนีย ซึ่งจะเป็นแรงหนุนให้เรารักษาความเป็นผู้นำได้อย่างต่อเนื่อง
ปักหมุดศูนย์ฯแห่งที่ 11 ที่สมุทรสาคร
ด้านคุณภูริวัทน์ รักอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภูมิภาค บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวว่าด้านศูนย์บริการสแกนเนียนั้น เราก็ให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าสแกนเนียทั่วทุกภูมิภาคของไทยได้นำรถเข้าใช้บริการได้อย่างทั่วถึง เวลานี้เรามีศูนย์ฯทั่วทุกภูมิภาคของประเทศแล้ว 10 แห่งด้วยกัน ซึ่งศูนย์ฯล่าสุดคือที่จังหวัดระยอง ส่วนปีนี้เราจะขยายสาขารองรับจำนวนรถสแกนเนียในตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยจะปักหมุดสาขาที่ 11 ที่จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นพื้นที่กลยุทธ์ที่มีรถบรรทุกขนส่งสินค้าพาดผ่านไปยังภาคใต้และจากภาคใต้เข้าสู่พื้นที่ชั้นใน
“เหนือสิ่งอื่นใดที่สำคัญกว่าศูนย์ฯบริการแล้ว นั่นก็คือการมีทีมงานคุณภาพคอยให้บริการลูกค้าสแกนเนีย เมื่อปีที่ผ่านมาเราเร่งพัฒนาทีมงานอย่างเต็มสรรพกำลังในทุกรายละเอียดการให้บริการลูกค้า ลงลึกในพันธสัญญาที่มีต่อลูกค้าสแกนเนียในเรื่องการบริการหลังการขาย ทั้งการส่งมอบรถให้กับลูกค้าตรงตามเวลา ทีมช่างที่มากฝีมือและประสบการณ์ การมีคอลเซ็นเตอร์รองรับการบริการเร่งด่วน ซึ่งทั้งหมดจะมาพร้อมกับศูนย์บริการสแกนเนียแห่งที่ 11 ที่สมุทรสาครภายในปีนี้ ส่วนพื้นที่อื่นๆที่ไม่ครอบคลุม เราก็จะเติมเต็มด้วยศูนย์คอลเซ็นเตอร์เบอร์เดียวที่รองรับการติดต่อจากลูกค้า แล้วเราจะประสานให้รถโมบายเซอร์วิสของศูนย์ฯที่อยู่ใกล้เคียงกับลูกค้าออกไปให้บริการลูกค้าได้อย่างทันท่วงที”
จัดหนักจัดเต็มมัดใจลูกค้าด้วย “ระบบ FMS และแผนบำรุงรักษา Flex”
ด้านคุณสถิตย์ ริยะตานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการหลังการขาย บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้สแกนเนียพร้อมให้บริการลูกค้าด้วยระบบบริหารจัดการฟลีตรถ หรือ Fleet Management System (FMS) ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการฟลีทรถลูกค้า ซึ่งลูกค้าสามารถทราบได้ว่ารถแต่ละคันของลูกค้า ณ ขณะนั้นวิ่งงานอยู่ที่ใด อัตราการใช้เชื้อเพลิงเป็นอย่างไร พฤติกรรมการขับขี่เป็นอย่างไร สามารถนำผลมาวิเคราะห์และปรับปรุงเพื่อพัฒนาในการขับขี่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและในกรณีที่ต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉิน บริษัทฯ สามารถใช้เทคโนโลยีในระบบนี้เข้าไปดู เพื่อเตรียมเครื่องมือและอะไหล่ สามารถนำไปแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้รถลูกค้ามีความพร้อมสามารถกลับไปวิ่งงานได้อย่างรวดเร็วที่สุด
“ที่สำคัญเรายังมีแผนการบำรุงรักษาเพื่อการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ หรือScania Maintenance with Flexible Plans (Flex) เป็นแผนการให้บริการที่จะช่วยให้รถของลูกค้ามีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น เป็นแผนงานบริการที่ออกแบบอย่างเฉพาะเจาะจง ให้เหมาะกับลักษณะการใช้งานของรถในแต่ละคัน ด้วยการนำข้อมูลจากรถบรรทุกและข้อมูลการรับบริการที่แม่นยำ ตลอดจนเก็บข้อมูลตัวแปรต่าง ๆ เช่น ลักษณะเส้นทาง ความถี่ในการติดเครื่องยนต์และดับเครื่องยนต์ แม้กระทั่งสภาพแวดล้อม และอื่น ๆ ที่มีผลต่อแผนการบำรุงรักษาที่จำเป็นกับรถในแต่ละคันมาวางแผนการบำรุงรักษาและปรับให้เข้ากับรถในแต่ละคันให้เหมาะกับลักษณะธุรกิจของลูกค้า ซึ่งเป็นไปได้ว่าลดช่วงเวลาการบำรุงรักษา ในแต่ละครั้งให้สั้นลง เปลี่ยนชิ้นส่วนเฉพาะที่จำเป็น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะธุรกิจ ลักษณะการใช้งาน สภาพแวดล้อม และอื่น ๆ ระบบจะเก็บข้อมูลและคำนวณใหม่ในทุก ๆ สัปดาห์ และเราจะโทรนัดหมายหรือแจ้งล่วงหน้าก่อนที่จะถึงกำหนดการรับบริการครั้งถัดไป
อย่างไรก็ดี คุณสถิตย์ สรุปปิดท้ายว่าสำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาซ่อมและบำรุงรักษา หรือ Repair and Maintenance Contract (R&M) กับสแกนเนีย สามารถรับบริการแผนการบำรุงรักษาเพื่อการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ (Flex) โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเอาเวลาที่จะต้องดูแลรถ ไปบริหารธุรกิจได้อย่างเต็มที่ และปล่อยหน้าที่ดูแลรถให้กับเราทำหน้าที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจและผลกำไรของลูกค้าให้อย่างยั่งยืนต่อไป
สำหรับ ดัมพ์แมนโชว์ แล้ว ตัวเลขยอดขายของค่ายรถใหญ่หลากหลายสายพันธุ์พุ่งทะลุเป้าแต่ละปี เป็นตัวบ่งชี้ถึงบริบทแห่งความสำเร็จได้เป็นอย่างดี รถใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นคงต้องเปิดทางให้กับ 2 พี่ใหญ่ทรงอิทธิพลอย่าง “อีซูซุ-ฮีโน่” ที่โกยยอดขายอย่างอิ่มหมีพีมันในแต่ละปี นอกนั้นก็แบ่งสัดส่วนให้น้องๆอย่างค่าย “ยูดี”และ “ฟูโซ่” ได้วิ่งสู้ฟัดวัดแรงสปีดกันพอประปราย
เช่นเดียวกัยฟากฝั่งสายพันธุ์ยุโรป แม้ระยะหลังจะมีผู้เล่นเพิ่มขึ้นในสนามการแข่งขันก็ตาม แต่สุดท้ายก็ต้องหลีกทางให้ 2 ค่ายมหาอำนาจจากสวีเดนอย่าง “วอลโว่-สแกนเนีย”ที่เร่งเครื่องไล่บี้ไล่เบียดยอดขายกันอย่างสนุกสูสีในแต่ละปี นอกนั้นก็เป็นคิววัดกึ๋นของ “ค่ายพญาราชสีห์ MAN และค่ายดาวสามแฉก” จากเยอรมัน และค่ายไอวีโก้จากแดนมะกะโรนี
แต่ปีที่แล้ว ค่ายสแกนเนีย จัดได้ว่าเครื่องยนต์ “ดีและแรง” พร้อมสปีดความเร็วด้วยระบบเปลี่ยนเกียร์อัจฉริยะ “สแกนเนีย ออพติครูส” เบียดเข้าเส้นชัยอย่างนุ่มนวล พร้อมผงาดเป็นแชมป์ยอดขายรถใหญ่สายพันธุ์ยุโรปปี 60 เป็นผลสำเร็จหลังตกเป็นลูกไล่บี้ไล่เบียดกับค่ายเพื่อนบ้านเดียวกันมาตลอด
ถึงกระนั้น กับคำกล่าวที่ว่า “การเป็นแชมป์จัดว่าแสนยากเย็นแล้ว แต่การรักษาแชมป์ให้ยืนยาวนั้น…ยากเย็นยิ่งกว่า!”ยังเป็นคำกล่าวย้ำสติทั้ง “ผู้นำ-ผู้ตาม”ได้อย่างสุดคลาสสิกตลอดกาล
ส่งสัญญาณว่าปีนี้การห้ำหั่นกลยุทธ์ตลาดของ 2 ค่ายมหาอำนาจรถใหญ่ระดับโลกจากสวีเดนนี้
…. เดือดทะลุปรอทแน่!
