คค.โชว์ออฟแถลงข่าวเปิดตัว “ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ” เพื่อพัฒนาเป็นประตูการค้าแนวระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor) บนพื้นที่ก่อสร้างโครงการกว่า 336 ไร่ เชื่อมอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ยกระดับมาตรฐานการขนส่งสินค้า รองรับการขยายตัวเศรษฐกิจอาเซียน สอดรับการเปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าจากถนนสู่ระบบราง เสกเชียงของเป็น Logistic Hub แปลงโฉมเชียงราย ‘โลจิสติกส์ซิตี้’ของภูมิภาค คาดแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการระยะที่ 1 ในปี 63
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตามนโยบายจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาล กระทรวงคมนาคม โดยกรมการขนส่งทางบก ได้ดำเนินการพัฒนาศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย เพื่ออำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าชายแดน เชื่อมไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว)-สาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 และถนนสาย R3A ยกระดับมาตรฐานการขนส่งสินค้า รองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจอาเซียน การเติบโตของสาธารณรัฐประชาชนจีนฝั่งตะวันตก ซึ่งไม่มีทางออกสู่ทะเล (Landlocked) รวมถึงรองรับการเปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้า จากถนนสู่ระบบราง ตามแผนการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ซึ่งจะทำให้อำเภอเชียงของกลายเป็นเมืองหลักด้านโลจิสติกส์ Logistic Hub เป็นอีกหัวใจสำคัญในการแปลงโฉมจังหวัดเชียงราย ให้เป็นโลจิสติกส์ซิตี้ของภูมิภาค พัฒนาให้เป็นประตูการค้าในแนวระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor)
เส้นทางสาย R3A นับเป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งที่มีบทบาทความสำคัญต่อการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ภายใต้โครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion หรือ GMS) ซึ่งเส้นทางดังกล่าว เริ่มต้นที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 เข้าสู่บ้านห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ฝั่งสปป.ลาว ผ่านแขวงหลวงน้ำทา ก่อนจะเข้าสู่สาธารณรัฐประชาชนจีนที่ชายแดนบ่อเต็น-บ่อหาน และตรงสู่เมืองเชียงรุ้ง และคุนหมิง รวมระยะทางประมาณ 1,100 กิโลเมตร โดยปัจจุบันมีสินค้าหลากหลายประเภท ทั้งสินค้าจำพวกผักและผลไม้สด สินค้าอุปโภค-บริโภค เครื่องจักร และวัสดุก่อสร้าง ถูกขนส่งผ่านเส้นทางดังกล่าว ซึ่งมูลค่าการค้าผ่านด่านเชียงมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีมูลค่าการนำเข้า-ส่งออกผ่านด่านกว่าปีละ 20,000 ล้านบาท
กระทรวงคมนาคม ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาประตูการค้าที่รองรับการค้าการลงทุนระหว่างประเทศไทย สปป.ลาว และสาธารณรัฐประชาชนจีนฝั่งตะวันตก จึงได้ริเริ่มโครงการพัฒนาศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย บริเวณประชิดด่านพรมแดนเชียงของ ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย บนเนื้อที่กว่า 336 ไร่ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยจะเป็นที่ทำการของหน่วยงาน CIQ คือ Custom (พิธีการศุลกากร) Immigration (การตรวจคนเข้าเมือง) และ Quarantine (การตรวจและกักกันพืชและสัตว์) ทำให้ผู้ประกอบการที่ขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนไปมา สามารถเข้าไปใช้บริการที่ศูนย์ฯ เชียงของ เพียงแห่งเดียว เป็นจุดบริการแบบ One Stop Service รวมถึงรองรับการพัฒนาเป็นพื้นที่ควบคุมร่วมกัน (CCA) ซึ่งเจ้าหน้าที่ไทยและสปป.ลาว สามารถตรวจปล่อยสินค้าร่วมกันได้ ณ จุดเดียว ช่วยลดขั้นตอนในการทำงาน และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการในอนาคตอีกด้วย
สำหรับการให้บริการของศูนย์ฯ เชียงของ แบ่งออกเป็น 2 ระยะ ในระยะที่ 1 จะเน้นการให้บริการเปลี่ยนหัวลาก-หางพ่วง ระหว่างรถบรรทุกไทยกับรถบรรทุกต่างประเทศ มีการให้บริการอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ปลั๊กเสียบตู้แช่เย็น (Reefer) และอุปกรณ์ยกตู้คอนเทนเนอร์ (Reach Stacker) นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่คลังสินค้าศุลกากร คลังสินค้าทัณฑ์บน และอาคารสำหรับบรรจุสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ (CFS) รองรับให้บริการ ซึ่งจะสามารถรองรับปริมาณสินค้าได้กว่า 270,000 ทีอียู โดยจะก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการในระยะแรกในปี พ.ศ. 2563 สำหรับระยะที่ 2 ศูนย์ฯ เชียงของ จะรองรับการเปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสู่ระบบราง พร้อมพัฒนาพื้นที่Container Yard สำหรับการวางตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการในระยะที่ 2 ได้ในปี พ.ศ. 2566 สอดคล้องกับแผนการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
ทั่งนี้ คาดการณ์ว่าจะสามารถช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ ส่งผลให้จังหวัดชายแดนกลายเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อ (Hub) การขนส่งสินค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ อีกทั้งช่วยอำนวยประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบโลจิสติกส์เชิงบูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพของประเทศในระยะยาวอย่างยั่งยืน