องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กระทรวงคมนาคม ชี้แจงกรณีสื่อมวลชนลงพื้นที่สำรวจรถโดยสารประจำทางในสังกัดเขตการเดินรถที่ 2 (อู่มีนบุรี) จำนวน 310 คัน พบปัญหาการชำระเงินผ่านเครื่องอ่านบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-Ticket) และเครื่องเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ (Cash box) ดังนี้
1. รถโดยสารประจำทางสำหรับผู้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ติดตั้ง E-Ticket และ Cash box ครบทั้ง 100 คัน เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2560 แต่เครื่องยังไม่พร้อมใช้งาน เพราะ บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) ยังไม่เชื่อมต่อระบบสัญญาณ จึงใช้พนักงานเก็บค่าโดยสารรองรับผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐผ่านระบบ Mobile Phone
2. การติดตั้ง Cash box อาจไม่คุ้มค่า เพราะเครื่องอาจมีปัญหากรณีมีผู้โดยสารจำนวนมาก และความไม่สะดวกในการจ่ายเงินผ่านเครื่อง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
3. การติดตั้ง Cash box บนรถโดยสารประจำทาง ควรได้รับการทดสอบระบบก่อน ไม่ใช่ลงทุนติดตั้งเครื่องโดยที่ไม่เกิดประโยชน์กับผู้โดยสาร
ขสมก. ได้ตรวจสอบกรณีดังกล่าวและขอชี้แจง ดังนี้
1. บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) ได้รายงาน ณ วันที่ 3 ธันวาคม 2560 ว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการติดตั้ง E-Ticket บนรถโดยสารประจำทาง จำนวน 775 คัน แต่ใช้งานได้เพียง 122 คัน และติดตั้ง Cash box บนรถโดยสารประจำทาง จำนวน 300 คัน แต่ไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งบริษัทฯ ได้ทำหนังสือส่งมอบเพื่อให้ ขสมก. ทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของ E-Ticket ที่ติดตั้งบนรถโดยสารประจำทางในสังกัดเขตการเดินรถที่ 7 จำนวน 100 คัน ตามเงื่อนไขสัญญาการส่งมอบงานงวดที่ 1 ส่วนรถโดยสารประจำทางในสังกัดเขตการเดินรถที่ 2 บริษัทฯ ไม่พร้อมให้ทดสอบ และ ขสมก. ไม่ได้ตรวจรับอุปกรณ์ใด ๆ จากบริษัทฯ ทั้งนี้ กรณีที่บริษัทฯ ไม่สามารถส่งมอบงานได้ตามสัญญา ขสมก. จะดำเนินการปรับบริษัทฯ ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาต่อไป
2. บริษัทฯ มีหนังสือลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2560 เพื่อขอหารือกับ ขสมก. เรื่อง การปรับใช้ Cash box ให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ Cash box อาจถูกยกเลิกการใช้งานภายใน 2 ปี เนื่องจาก ขสมก. ตรวจพบว่า Cash box มีปัญหาทางด้านเทคนิค ทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีข้อจำกัดการทำงานในชั่วโมงเร่งด่วนที่อาจทำให้เกิดปัญหาการจราจร ประกอบกับ ขสมก. จะพัฒนาระบบ E-Ticket เข้าสู่ระบบตั๋วร่วม “บัตรแมงมุม” ภายใน 2 ปี ซึ่งจะไม่ใช้เงินสดอีกต่อไป แต่ตามสัญญาบริษัทฯ ต้องติดตั้ง E-Ticket และ Cash box บนรถโดยสารประจำทาง จำนวน 2,600 คัน โดยจะต้องติดตั้งให้แล้วเสร็จ จำนวน 800 คัน ภายในวันที่ 12 ธันวาคม 2560 หากบริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ขสมก. จะดำเนินการปรับบริษัทฯ ตามที่กำหนดไว้ในสัญญา ส่วนรถโดยสารประจำทางที่เหลืออีก จำนวน 1,800 คัน ขสมก. จะเร่งพิจารณาหนังสือที่บริษัทฯ ขอหารือต่อไป
3. ขสมก. รับมอบนโยบายจาก นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2560 เกี่ยวกับการประกวดราคาการจัดซื้อจัดจ้างว่า ก่อนดำเนินการประกวดราคาการจัดซื้อจัดจ้าง ให้เชิญเอกชนผู้สนใจร่วมการทดลองเพื่อวิเคราะห์ข้อดี – ข้อเสีย หากผลการทดลองเป็นที่น่าพอใจจึงดำเนินกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างต่อไป