หลังนายกฯลุงตู่ออกโรงเผยถึงมหากาพย์การประมูลเมล์เอ็นจีวี 489 คันรอบใหม่ พร้อมกับขีดเส้นตายพลางโยนเผือกร้อนแฝงให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการทันเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนกรุง เป็นการจุดพลุความหวังให้คนกรุงนอนฝันหวานจะได้ฤกษ์บรรจงบั้นท้ายลงนั่งรถเมล์ใหม่(อีกครั้ง)
แต่ล่าสุด ความหวังคนกรุงก็มาพังคลืน(อีกครั้ง) เพราะการประมูลเมล์เอ็นจีวีรอบใหม่ดันเจออาถรรพ์อีกหลังไร้เงาเอกชนยื่นข้อเสนอเคาะราคา ด้านขสมก.ก็ดิ้นพล่านพลางออกโรงฟ้อนเงี้ยวงัดประกาศจัดซื้อรอบใหม่ด้วยวิธีพิเศษอ้างเหตุเป็นโครงการจำเป็นเร่งด่วน
กับความคาดหวังลุงตู่จะให้เป็นของขวัญปีใหม่คนกรุง ก็ดูเหมือนจะกลายเป็นความฝันล้มๆแล้งๆซะแล้ว เมื่อนับดูเวลาที่เหลือจนถึงปีใหม่ ที่แม้ขสมก.จะงัดวิธีการจัดซื้อสุดแสนพิเศษเลิศเลอเพียงใดก็ยากจะทันการณ์ซะแล้ว จนถึงป่านนี้หมายเลขที่ท่านเรียกอย่างขสมก.ยังถูกพลัง “เงียบงัน”ดูดกลืนกินจนไม่ได้ข่าวคราวอะไรอีกเลย
ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าโครงการฯนี้เป็นอะไรกันนักหนาถึงได้เผชิญภาวะ “ล่มซ้ำซาก” พิลึกกึกกือใน 3 โลกได้ถึงเพียงนี้ หรือต้องคำสาปมาแต่ชาติปางไหนก็ไม่อาจทราบได้!
ส่วนแนวคิดของขสมก.ที่จะจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีครั้งต่อไปด้วยวิธีพิเศษ พร้อมดั้นเมฆเรื่องนี้เป็นกรณีเร่งด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋าจำเป็นต้องเร่งดำเนินการ และต้องการนำรถออกมวิ่งให้บริการประชาชนโดยด่วน มิเช่นนั้นอาจส่งกระทบต่อแผนการปฏิรูปองค์กรได้ ซึ่งพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 เปิดช่องให้สามารถทำได้ (ว่างั้น)โดยวิธีการจัดซื้อพิเศษนี้ ขสมก.จะเชิญเอกชนผู้ซื้อเอกสารประกวดราคาทั้ง 8 รายก่อนหน้านี้มาร่วมเจรจา
ความเป็นจริงแม้พ.ร.บ.ดังกล่าวจะเปิดช่องกว้างให้สามารถดำเนินการได้ก็ตาม แต่ลงลึกในเนื้องานการปฏิบัติการให้เกิดมรรคเกิดผลแล้ว ด้วยกรอบเวลาที่เหลือเพียงต่อการศึกษาขั้นตอนและการดำเนินการต่อหรือไม่ หรือแม้แต่การเชิญ 8 เอกชนเข้าร่วมโม่ความร่วมมืออะไรพันธุ์นั้น ขสมก.โลกสวยมโนไปเองหรือไม่ เพราะเพียงลำพังการยื่นข้อเสนอเคาะราคาในวินาทีสุดท้ายก็ยังไร้เงาแม้แต่รายเดียว
เพราะเขาต่างก็กระจ่างศาสตร์ในเชิงสติปัญญาแล้วว่าท้ายที่สุดแล้วโครงการนี้ก็ยังไงก็สุ่มเสี่ยงไม่คุ้มแน่นอน!
เอาเข้าจริงๆแล้ว ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่โครงการนี้โดนปู้ยี่ปู้ยำจนในทุกมิติจนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว ด้วยเงื่อนไขกรอบเวลาที่ล่วงเลยมานแสนนาน ผนวกยุคสมัยเปลี่ยนไป เทคโนโลยีเปลี่ยนไป ราคาและความคุ้มค่าก็ย่อมเปลี่ยนไป เมื่อก่อนอาจจะคุ้มแต่บัดเดี๋ยวนี้…ไม่คุ้มซะแล้ว และที่สำคัญนับวันเทรนด์รถไฟฟ้าก็เคลือบคลานเข้ามาแทนที่แล้ว
บริบทสุดท้ายโครงการนี้จะลงเอยอย่างไรไม่มีใครทราบ แต่ที่พูดได้เต็มปากก็คงจะเป็นโศกนาฏกรรมความรู้สึกคนกรุงเต็มประดา ที่ได้เสียไปกับมหากาพย์รถเมล์เอ็นจีวี 489 คันครั้งแล้วครั้งเล่า
จัดเป็นโครงการสุดอัปยศกระชากความรู้สึกคนกรุงลงปากเหวไปหมดแล้ว!
