สายการบินไทยสมายล์ สายการบินฟูลเซอร์วิส และสายการบินลูกของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทยและสายการบินไทยสมายล์ พร้อมเปิดตัวโครงการ “ไทยสมายล์ให้รอยยิ้มช่วยชีวิต Smile for Life” รณรงค์เกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะเพื่อต่อชีวิตให้แก่ผู้ที่รอคอยการรับบริจาคอวัยวะด้วยความหวัง ผ่านการสร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณาออนไลน์ชุด Happy Take Off ความยาวประมาณ 3.08 นาที ที่จัดทำขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับภารกิจของสายการบินไทยสมายล์ ในการรับหน้าที่เป็นพาหนะในการขนส่งอวัยวะไปยังผู้ที่รอรับการบริจาค นอกจากนี้ไทยสมายล์ยังได้สำรองที่นั่งพิเศษในทุกเที่ยวบิน ทุกเส้นทาง (ภายในประเทศ) เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่ทีมแพทย์ของศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทยในการไปปฏิบัติภารกิจอีกด้วย
นายปรีชา นะวงศ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ สายการบินไทยสมายล์ เปิดเผยว่า ไทยสมายล์เล็งเห็นถึงความสำคัญและประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของการบริจาคอวัยวะ ภายใต้การดำเนินงานของศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย อีกทั้งทราบว่า มีผู้ป่วยที่รอคอยการรับบริจาคอวัยวะอยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้จัดโครงการ ไทยสมายล์ให้รอยยิ้มช่วยชีวิต Smile for Lifeขึ้น เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการบริจาคอวัยวะ ยิ่งไปกว่านั้นยังร่วมเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการทำงานของทีมแพทย์ที่เดินทางเพื่อไปปฏิบัติภารกิจทำการผ่าตัดเพื่อปลูกถ่ายอวัยวะ พร้อมทั้งภารกิจในการขนส่งอวัยวะจากผู้บริจาคไปยังผู้รับบริจาคทั่วประเทศ
“ตั้งแต่ปี 2559 ที่ผ่านมา ไทยสมายล์ได้ให้การสนับสนุนศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ด้วยการมอบบัตรโดยสารให้แก่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทยเพื่อใช้ในการเดินทางเพื่อปฏิบัติภารกิจของทีมแพทย์ และไทยสมายล์เองยังเป็นกำลังสำคัญในการขนส่งอวัยวะจากผู้บริจาคในจุดต่างๆ ทั่วประเทศไปส่งยังผู้ป่วยที่รอคอยอวัยวะ ในปีนี้เราจึงอยากต่อยอดสิ่งที่ดำเนินการอยู่ให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น จึงพัฒนามาเป็นโครงการ “ไทยสมายล์ให้รอยยิ้มช่วยชีวิต Smile for Life” โดยถ่ายทอดเรื่องราวและภารกิจของโครงการฯ ผ่านทางภาพยนตร์โฆษณาออนไลน์ ชุด Happy Take Offเพื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างการรับรู้ และความเข้าใจเกี่ยวกับการที่ไทยสมายล์ให้การสนับสนุนภารกิจของศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ด้วยการเป็นพาหนะขนส่งอวัยวะจากผู้บริจาคไปยังผู้ป่วยที่รอรับบริจาคอยู่ทั่วประเทศ ยิ่งไปกว่านั้น ไทยสมายล์ยังได้สำรองที่นั่งในทุกๆ เที่ยวบินให้แก่ทีมแพทย์จากศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย พร้อมกับแสดงสัญลักษณ์ของโครงการ Smile for Life ณ บริเวณที่นั่งผู้โดยสารบนเครื่องบินอีกด้วย
ภาพยนตร์โฆษณาออนไลน์ ชุด Happy Take Off สร้างสรรค์โดยบริษัท ดรีม แบงคอก จำกัด ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแนวคิดเริ่มต้นที่ว่า “การให้ที่ดีที่สุดคือการให้ด้วยรอยยิ้ม” ซึ่งภาพยนตร์โฆษณาออนไลน์ชุดนี้ได้นำเสนอถึงภารกิจที่สำคัญประการหนึ่งของสายการบินไทยสมายล์ในการเป็นพาหนะขนส่งอวัยวะจากผู้บริจาคไปสู่ผู้ป่วยที่รอคอยการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ ตลอดทุกเส้นทางบินภายในประเทศของไทยสมายล์ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งภาพยนตร์โฆษณาออนไลน์ชุดนี้ ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการขนส่งอวัยวะให้แก่ผู้ป่วย ที่มีเรื่องข้อจำกัดของเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ยังสื่อให้เห็นถึงการตัดสินใจที่สำคัญอันจะส่งผลต่อชีวิตของคนหนึ่งคนที่รอคอยการรับบริจาคอวัยวะอยู่อย่างมีความหวัง ทั้งนี้ ภาพยนตร์โฆษณาออนไลน์ชุด Happy Take Off ซึ่งมีความยาวประมาณ 3.08 นาที จะได้รับการเผยแพร่ผ่านทางสื่อออนไลน์ต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป รวมไปถึงการประชาสัมพันธ์โครงการผ่านช่องทางประชาสัมพันธ์ของสายการบินไทยสมายล์ทุกช่องทาง ผู้สนใจสามารถเข้าไปชมได้ที่ www.facebook.com/ThaiSmileAirways/, Thai Smile Airways Official YouTube Channel และ ช่องทางสื่อออนไลน์ต่างๆ อาทิ ผู้มีอิทธิพลทางสื่อออนไลน์ต่างๆ (Influencers, Bloggers)
นพ.วิศิษฏ์ ฐิตวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้ “ไต” กำลังเป็นอวัยวะที่ขาดแคลน โดยมีผู้ป่วยที่รอรับการปลูกถ่ายอวัยวะอยู่ที่ประมาณ 5,200 ราย ซึ่ง90% ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยที่รอไต รองลงมาคือ ตับ หัวใจ ปอด ฯลฯ ตามลำดับ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา มีผู้มาแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะปีละไม่เกิน 40,000 ราย แต่ในปีนี้มีเพิ่มมากขึ้นถึง70,000 ราย ซึ่งส่วนหนึ่งอาจมาจากการรณรงค์อย่างต่อเนื่องรวมถึงประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้เพิ่มมากขึ้น จึงถือได้ว่าได้ปีนี้มีผู้บริจาคอวัยวะเพิ่มมากขึ้นจากปีก่อนเกือบ 20% โดยยอดผู้บริจาคที่เสียชีวิตและสามารถนำอวัยวะไปใช้ได้เมื่อเปรียบเทียบจากปี 2559 มีจำนวน 228 คน ส่วนปี2560 จนถึงเดือนพฤศจิกายนนี้มีผู้บริจาคแล้ว 260 คน ซึ่งสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้กว่า 500 ราย และยังเหลือเวลาจนถึงปลายปี 2560 นี้ที่ทางศูนย์ฯจะพยายามให้ได้ผู้บริจาคตามเป้าที่คาดไว้คือ 300คน/ปี ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนถึงความสำคัญและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้ประหยัดค่ารักษาพยาบาลและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
“รู้สึกยินดีและขอบคุณสายการบินไทยสมายล์อย่างมากที่ได้มาร่วมช่วยเหลือ โดยเล็งเห็นความสำคัญของการขนส่งอวัยวะ รวมไปถึงการบริจาคอวัยวะเพราะเป็นการเพิ่มโอกาสต่าง ๆ ให้กับศูนย์ฯ มากขึ้น อาทิ โอกาสการไปรับบริจาคในจังหวัดต่างๆ รวมถึงในจังหวัดห่างไกล ส่วนจำนวนของคนบริจาคที่รอโอกาส รวมถึงจำนวนอวัยวะที่ได้ก็จะเพิ่มขึ้นตามมาด้วย เพราะการเดินทางโดยเครื่องบินใช้เวลาสั้น ดังนั้นคุณภาพของอวัยวะจึงมีมากขึ้น สามารถนำมาใช้งานได้ดีเพราะผ่านการแช่เย็นไม่นานเกินไป โดยเฉพาะในเรื่องการทำแคมเปญประชาสัมพันธ์เป็นภาพยนตร์โฆษณาออนไลน์ เพื่อให้สาธารณชนได้เห็นประโยชน์ของการบริจาคอวัยวะ ตลอดจนได้เห็นถึงวิธีการ และความยากลำบากของการได้มา โดยคาดว่าภาพยนตร์โฆษณาออนไลน์ที่ทางไทยสมายล์จัดทำขึ้น เมื่อได้เผยแพร่ออกไป จะเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้คนไทยเห็นความสำคัญของการบริจาคอวัยวะเพื่อช่วยเหลือชีวิตของเพื่อนมนุษย์เพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งทางศูนย์ฯเอง ก็อยากเชิญชวนคนไทยให้มาบริจาคอวัยวะกัน เพราะเป็นการทำบุญที่ช่วยต่อชีวิตใหม่ที่มีคุณภาพให้กับผู้หมดหวัง แม้ทุกวันนี้วิทยาการและเทคโนโลยีจะก้าวหน้าจนสามารถปลูกถ่ายได้แทบทุกอวัยวะ แต่อุปสรรคสำคัญคือถ้าไม่มีผู้บริจาค ก็ไม่มีอวัยวะ และการปลูกถ่ายก็จะไม่เกิดขึ้น ในแง่ของศาสนาและความจริงในวิทยาศาสตร์มองเห็นได้ง่ายๆ ว่าไม่ว่าจะเป็นคนสัตว์หรือพืช เมื่อตายแล้วก็เหลือเพียงซากที่จะเน่าเปื่อยและเถ้าธุลี หากนำสิ่งที่ไม่ได้ใช้แล้วมาทำประโยชน์ให้เพื่อนมนุษย์เพื่อช่วยให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น ก็นับเป็นเรื่องที่ดี และหากคนไทยมีความเข้าใจในเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น ก็น่าจะทำให้มีจำนวนผู้แสดงความจำนงในการบริจาคอวัยวะเพิ่มสูงขึ้นด้วย” นายแพทย์วิศิษฎ์ กล่าวเพิ่มเติม
ด้านรักษาการประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ สายการบินไทยสมายล์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “สายการบินไทยสมายล์หวังว่าโครงการ “ไทยสมายล์ให้รอยยิ้มช่วยชีวิต Smile for Life” นี้ จะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้คนไทยเห็นถึงความสำคัญของการบริจาคอวัยวะว่าเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ เพราะนอกจากจะเป็นการมอบชีวิตใหม่ให้แก่ผู้ป่วยที่กำลังรอคอยการเปลี่ยนอวัยวะด้วยความหวังแล้ว ยังจะช่วยทำให้ความฝันในการกลับมามีชีวิตใหม่ของผู้รอรับบริจาคเป็นจริงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง”