เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ เปิดเผยว่า ตามที่ กทท. ได้มีการจ้างสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการพัฒนาธุรกิจท่าเรือบก (Dry Port) เพื่อสนับสนุนการให้บริการของท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.) และท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการได้อย่างครบวงจร รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถให้เกิดความรวดเร็วและคล่องตัวในการขนส่ง ประกอบกับเป็นการลดต้นทุนการขนส่งและเป็นการสร้างความได้เปรียบให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
ผลการศึกษาฯ พบว่า บริเวณสถานีรถไฟโนนพะยอม ตำบลม่วงหวาน อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีขนาดพื้นที่ประมาณ 500-700 ไร่ มีศักยภาพที่จะสามารถพัฒนาเป็นท่าเรือบก และ Logistics Park เนื่องจากอยู่ใกล้กับถนนสายหลัก (ถนนมิตรภาพ) รวมถึงจังหวัดขอนแก่นเป็นศูนย์กลางธุรกิจการค้า มีสินค้าปริมาณมากและอยู่ใกล้กับประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้มีโอกาสในการดึงสินค้าส่งผ่าน (Transit Cargo) เข้ามาใช้บริการได้ อีกทั้งยังสามารถรองรับสินค้าจากจังหวัดใกล้เคียงโดยรอบ เช่น อุดรธานี กาฬสินธุ์ มุกดาหาร สกลนคร และหนองคาย ได้อีกด้วย
ในส่วนการให้บริการและกิจกรรมภายในโครงการ ประกอบด้วยกิจกรรมการบรรจุและเปิดตู้สินค้า การตรวจปล่อยสินค้าขาเข้า – ขาออก ลานตู้สินค้า ลานตู้สินค้าเปล่า ลานจอดรถบรรทุก ตรวจปล่อยสินค้าและการให้บริการกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินค้า/ตู้สินค้าของท่าเรือบก รวมถึงให้บริการด้าน Logistics Park เพื่อสนับสนุนระบบการขนส่งและโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
สำหรับทางเลือกรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมและมีความเป็นไปได้สำหรับ กทท. ที่ปรึกษาฯ ได้เสนอให้ กทท. เปิดให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการโครงการ (Public Private Partnership: PPP) ขณะนี้อยู่ระหว่างนำเสนอผลการศึกษาและโครงการร่วมทุนและพัฒนาธุรกิจท่าเรือบกต่อคณะกรรมการ กทท. ในเดือนตุลาคมนี้ หากผ่านความเห็นชอบจะนำเสนอโครงการฯ ต่อกระทรวงคมนาคมต่อไป
ทั้งนี้ ปัจจัยที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของโครงการพัฒนาธุรกิจท่าเรือบกที่สำคัญ คือ การสนับสนุนและการบูรณาการอย่างจริงจังของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย และภาคเอกชน ได้แก่ ผู้ประกอบการ สายเรือ ผู้นำเข้า – ส่งออก และผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ การสร้างประสิทธิภาพในระบบการขนส่งสินค้าทางราง ตลอดจนการสร้างความร่วมมือกับผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน