นิตยสาร Logistics Timeปีที่ 12 ฉบับที่ 141 ฉบับประจำเดือนเมษยาน 2559 : “ตะวันเพลิง” หน้าเก่าขาประจำรายงานตัวประจำฐานกองบัญชาการ“เลาะระเบียงขนส่ง” ทำหน้าที่สื่อกลางรายงานและลัดเลาะเจาะลึกความเคลื่อนไหวพลางหยิบแกมหยอกบรรดาพี่น้องสิงห์รถบบรทุกและผู้ประกอบการขนส่งทั่วฟ้าเมืองไทย ฉบับต้อนรับเดือนแห่งเดือนเมษาฮาว้ายครับกระผม!
***หลังแหวกม่านปีลิงมาก็ผ่านพันมาแล้วครบไตรมาส และกำลังย่างเข้าสู่เดือนที่ 4 กันแล้ว แม้แต่ภาครัฐจะระดมสารพัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ไม่อาจกระตุกแรงโน้มถ่วงของเศรษฐกิจไทยให้หายจากอาการ “หน้ามืดตามัวและคล้ายจะเป็นลม”ได้ ส่งต่อแรงกระเพื่อมไปถึงซอกหลืบธุรกิจไทย ไม่เว้นแต่พี่น้องสิงห์รถบรรทุกเมืองที่ไม่อาจเลี่ยงจากแรงเหวี่ยง “เศรษฐกิจขาลง” ได้ เห็นได้จากยอดขายรวมรถบรรทุกของทุกสายพันธุ์ในรอบ 2 เดือนแรกของปีนี้ตกกราวรูดอย่างหน้าใจหาย โดยยอดรวมอยู่ที่ 2,021 คัน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาด้วยกันของปีที่แล้วที่ 3,814 คัน เป็นไงล่ะครับพี่น้อง อื้งกันไปทั้งบางไหม “ตะวันเพลิง” เห็นแล้วก็เหนื่อยแทนจริงๆ ปีที่แล้วเรียกว่าเผาจริงแล้ว ปีนี้ยิ่งกว่าเผาจริงอีก
***“ตะวันเพลิง” ก็ได้แต่ภาวนาเข้าพุธ ภาวนาออกพฤหัสยันอาทิตย์ขอให้ภาครัฐเร่งรัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างที่ฉายหนังตัวอย่างหน่อยเหอะเจ้าประคุณ ไม่ใช่สักแต่ตีปี๊ปออกสื่อรายวันจะทำโน้นทำนี้สารพัด แต่เอาเข้าจริงแล้วมีแต่ลมๆแล้งๆทั้งนั้น เรื่องปากท้องมันสำมะคัญมากนะคุณโยม ขืนไปปล่อยไว้นานๆ ต่อให้อำนาจที่มีอยู่มือท่านจนล้นมือก็ไม่อาจใช้การได้นะ เดี๋ยวจะหาว่า “ตะวันเพลิง” พูดไปเรื่อยๆเปื่อยๆนะขอรับกระผม
***วกมาที่ความเคลื่อนไหวของบรรดาค่ายรถกันบ้าง แม้ว่าช่วงนี้ค่ายอื่นๆจะเอามือก่ายหน้าผากกับยอดขายที่ตกฮวบอาบ แต่ค่ายชบาแดง อย่างค่ายฟูโซ่ก็ไม่ปวดหัวกับยอดขายเท่าไหร่นัก แต่กลับเครียดกับรถไม่มีพอจะขาย โดยเฉพาะรถโม่ปูน FJ 2528 ที่ขายดิบขายดีเหมือนเทน้ำเทท่า ขายดีซะจนค่ายอื่นๆยืนงงพลางส่งสายตาเขียวมองว่าขายไปได้อย่างไรราคานี้ อั๊ยย่ะ อะไรจะขนาดนั้นพ่อประคุณทูนหัวของหม่อม งานนี้“พ่อเลี้ยงเอ-ธนภัทร อินทวิพันธุ์” รองประธาน บริษัท ฟูโซ่ ทรัค (ประเทศไทย) จำกัด ก็ออกโรงเผยก็ไม่รู้สินะ ก็รถมันดีราคาโดนใจก็ต้องขายดีเป็นธรรมดา ส่วนภาวะขาดสต็อครถโม่ปูนก็คงเป็นแบบนี้ไม่นาน คาดไม่เกินเดือนพ.ค.ก็จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ฝากบอกอาเฮียอาซ้อทั้งหลายให้ใจเย็นอดเปรี้ยวไว้กินหวานล่ะกัน เดี๋ยวฟูโซ่จะจัดให้หน่ำใจซะจนเบาหวานขึ้นตาเลยทีเดียวเชียว ตะวันเพลิง ขอกดไลท์พร้อมปรบมือรัวๆ
***ขณะที่ค่ายยักษ์ใหญ่อย่างฮีโน่ โดย “มร.ชิน นาคามูร่า” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อช่วงต้นปีป่าวประกาศลั่นสนั่นเมืองจะค่าคอมฯคันละ 2 หมื่นบาทให้กับนักข่าวที่แนะนำลูกค้าซื้อรถเอ็นจีวีของฮีโน่ที่ปล่อยรับประทานแสง UV ได้ ล่าสุด ข่าววงในเล่าลือว่าฮีโน่ปล่อยหมัดเด็ดเพื่อลดล้างสต็อคโดยยอมหั่นราคารถเอ็นจีวีคันละ 1 ล้านบาท เล่นปล่อยไพ่ใบสุดท้ายซะจนวงการรถใหญ่ร้องครวญครางหนัก จนค่ายพี่ใหญ่อีกค่ายจากแดนปลาดดิบก็ไม่ยอมน้อยหน้าทิ้งตัวหั่นราคาสู้กันมันหยดติ๋งๆเลยทีเดียว นับเป็นบุญตา “ตะวันเพลิง” ที่ได้เห็น 2 ค่ายยักษ์ใหญ่บู๊กันสนั่นวงการ ไม่รู้จะหมู่หรือจ่า แต่ที่แน่ผู้ประกอบการยิ้มหวานแน่
***ฟากฝั่งค่ายยุโรปอย่างไอวีโก้ โดย “เฮียดอน-สุขสมเกียรติ เสือกลิ่นศักดิ์” บิ๊กบอสแห่งค่าย เอส.เอส.เค. กรุ๊ป ในฐานะตัวแทนจำหน่ายรถบรรทุกไอวีโก้จากประเทศอิตาลี หลังลาสิกขาบทจากการอุปสมบท ณ ดินแดนพุทธภูมิปุ๊ปก็รุกงานต่อทันที “ตะวันเพลิง”ก็ไม่อาจทราบได้ว่าการหันหน้าเข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัสตร์ครั้งนี้ หรืออาจเป็นขายรถได้ถึง 23 คันเมื่อช่วงต้นปีที่เฮียดอนได้ไปบ่นบานสานกล่าวอะไรไว้ที่ไหนหรือเปล่าถึงได้ยอมโกนหัวบวชอีกครั้ง แต่ที่แน่ๆช่วงนี้เฮียแกฟิตเต็มถังจริงๆ แม้ปากจะบอกว่าเหนื่อยแต่ก็กัดฟันสู้ตามแบบฉบับลูกผู้ชายสไตล์ลูกทุ่ง ประกาศลั่นปีนี้ทั้งนี้จะทำการตลาดแบบถึงลูกถึงคนพร้อมกับปูพรมเปิดดีลเลอร์ทั่วประเทศให้ได้ 13 แห่งทั่วประเทศ สู้ต่อไปครับเฮีย!
***ข้ามฝั่งมายังค่ายจีนอย่าง เอ็ม.ซี.ซี. กรุ๊ป ในฐานผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถบรรทุกจีนหลากหลายแบรนด์ โดย “พี่เสา-รินรดี วงศ์ทิพยพานิช” นายหญิงแห่งเอ็ม.ซี.ซี.กรุ๊ป กระจอกข่าวว่า แม้สำนักงานสาขาแม่กลองจะยังไม่ทำการ Grand Opening อย่างเป็นทางการ เพราะยังรอฤกษ์งามยามดีกันอยู่ ได้ฤกษ์เมื่อไหร่จะร่อนการ์ดเชิญพี่น้องวงการขนส่งไทยแน่นอน นอกจากนี้ แว่วเสียงซึงกระแทกหู “ตะวันเพลิง” มาว่าต่อไป เอ็ม.ซี.ซี. กรุ๊ปจะขายรถบรรทุกจีนด้วย คู่ขนานกับการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถบรรทุกญี่ปุ่นอีกด้วย ช่วงนี้ยังรอบัญชาการจากหน่วยเหนืออยู่ หากเป็นไปอย่างที่คาดหวังแล้วล่ะก็ “ตะวันเพลิง” ไม่ลืมจะป่าวประกาศ ณ ที่นี่แน่นอน
***เป็นประเด็นร้อนฉ่าที่ยังเป็นประเด็น Talk of the town ของบรรดาสมาคมฯผู้ประกอบการขนส่งเมืองไทยในเวลานี้ ต้องยกให้กรณี“เฮียยู เจียรยืนยงพงศ์” ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ที่ได้เวลาลงจากเก้าอี้ประธานสหพันธ์ฯ หลังอยู่ยงคงกระพันชาตรีเป็นพี่ใหญ่ขับเคลื่อนสมาพันธ์ขนส่งและสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับสหพันธ์ฯมานาน และส่งไม้ต่อให้กับประธานสหพันธ์ฯคนใหม่อย่าง “คุณทองอยู่ คงขันธ์” ขึ้นแท่นสานงานต่อ ทันทีที่หวยออกเป็นมาคุณทองอยู่ ก็เริ่มส่งกลิ่นไม่ชอบมาพากล แม้มติที่ประชุมจะเป็นเอกฉันท์แต่ก็เริ่มเสียงแตกและส่อรอยร้าวในสมาคมฯขนส่งต่างๆ บ้างก็ว่าคุณทองอยู่ไม่มีความพร้อมและเหมาะสม บ้างก็ว่าคุณทองอยู่ไร้ซึ่งบารมีที่จะเป็นพี่ใหญ่ขับเคลื่อนสมาพันธ์ฯให้ก้าวไปข้างหน้า
*** 1 สมาคมฯที่ขอถอนตัวออกร่มเงาสหพันธ์ฯ นั่นก็คือสมาคมขนส่งแห่งประเทศไทย ที่กุมบังเหียนโดยท่านนายกฯ “เฮียอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง” ที่ประกาศเสียงดังฟังชัดไม่ขอร่วมสังฆกรรมกับสหพันธ์ฯไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เมื่อเฮียอภิชาติเริ่มจุดพลุเป็นคนแรก ก็ไม่รู้สินะว่าจะมีนายกสมาคมฯไหนบ้าง ออกโรงประกาศขอถอนตัวเป็นรายต่อไป “ตะวันเพลิง”เรียนตามตรงว่านี่คือแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังต้องมีอาฟเตอร์ช็อคส่งแรงกระเพื่อมตามมาเป็นพรวนแน่ อย่าลืมนะครับว่าประธานสหพันธ์ฯ คือหัวหอกคนสำคัญในการเป็นผู้นำต่อการชี้ชะตาความแข็งแกร่งและความเป็นปึกแผ่นของบรรดาสมาคมฯต่างๆ เมื่อผู้นำขาดความน่าเชื่อถือแล้วล่ะก็ “ความล้มเหลว”รออยู่เบื้องหน้าแน่ๆ
*** ถึงกระนั้น “ตะวันเพลิง” ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเมื่อมติที่ประชุมใหญ่ได้โหวตเสียงให้กับคุณทองอยู่ให้เป็นประธานสหพันธ์ฯคนใหม่แล้ว ทำไมบรรดาสมาชิกต่างๆถึงไม่ยอมเคารพเสียงส่วนใหญ่ เปิดโอกาสให้ท่านประธานสหพันธ์ฯแสดงผลงานและโชว์โคตรกึ๋นในการทำงานไม่ได้หรือไง หรืออาจมีนัยสำคัญอะไรที่มากกว่านี่ซ่อนอยู่เบื้องหลังหรือไม่ เชื่อแน่ว่าเดี๋ยวก็รู้ เพราะปีนี้น้ำแล้งหนักด้วย พอน้ำลด…ตอก็ผุด นะคุณโยม!!