นิตยสาร Logistics Time ปีที่ 12 ฉบับที่ 142 ฉบับประจำเดือนพฤษภาคม 2559 : “ตะวันเพลิง” หน้าเก่าขาประจำรายงานตัวประจำฐานกองบัญชาการ“เลาะระเบียงขนส่ง” ทำหน้าที่สื่อกลางรายงานและลัดเลาะเจาะลึกความเคลื่อนไหวพลางหยิบแกมหยอกบรรดาพี่น้องสิงห์รถบบรทุกและผู้ประกอบการขนส่งทั่วฟ้าเมืองไทยอีกแล้วครับท่าน
***สุภาษิตที่ว่า “อันเวลาวารีไม่เคยรอใคร” เป็นสัจธรรมตลอดกาล เพราะนี่เพลอแปปเดียวก็ปาเข้าเดือนที่ 5 แล้วครับพี่น้อง รวดเร็วซะเหลือเกิน ความรู้สึกเพิ่งฉลองปีใหม่ไปได้ไม่นานนี่เอง แม้ปีลิงจะแหวกม่านไปแล้ว 5 เดือน เรื่องปากท้องของประชาชนคนไทยยังถูกจับตา เพราะภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังต้องลุ้นตัวโก่งยังกะซื้อหวย ขณะที่ครัฐก็เร่งผลักดันสารพัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดเป็นรูปธรรม ขณเดียวกันก็ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆสุดลิ่มทิ่มรูถู เพื่อหวังกระทุ้งเศรษฐกิจไทยให้เชิดหัวอย่างที่ทุกฝ่ายคาดหวัง แต่จะไปถึงฝั่งฝันหรือไม่ก็ต้องลุ้นกันยาวๆ “ตะวันเพลิง” ก็เอาใจช่วยอย่างแรงล่ะกันขอรับกระผม
***ขณะที่ความเคลื่อไหวในแวดวงสิงห์รถบรรทุก หลายๆค่ายก็ยังเดินหน้าทำตลาดภายใต้กลยุทธ์ของตัวอย่างถึงที่สุด แต่ก็อย่างว่าเศรษฐกิจไทยยังโงหัวขึ้น หนี้ครัวเรือนทะยานสูงขึ้นต่อเนื่อง สินค้าภาคการเกษตรก็ยังไม่สู้ดี เมกะโปรแจ็กต์ที่รัฐบาลหมายมั่นปั้นมือจะเป็น “พระเอก”หนุนเศรษฐกิจปีนี้ แต่หลายโครงการยังไม่เป็นรูปธรรม มีแค่โครงการแห่งความฝันที่ล่องลอยู่ในอากาศ ทำให้ยอดขายของทุกค่ายลดลงอย่างน่าใจหาย พร้อมกับตั้งความหวังว่าตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 – 3 เป็นต้นไปเศรษฐกิจจะดีขึ้น และนั่นน่าจะเอื้อต่อยอดขายรถให้ทะยานขึ้นได้บ้าง “ตะวันเพลิง” เชื่อเหลือเกินว่าทุกค่ายรถยังต้องสร้างแบรนด์ของตัวเองอย่างรอบคอบ เพราะสถานการณ์แบบนี้ใครพลาดขึ้นมามีหวังงานเข้าเต็มเปาแน่
***ด้านค่ายชบาแดง อย่างบริษัท ฟูโซ่ ทรัค (ประเทศไทย) จำกัด โดยท่าน “พ่อเลี้ยงเอ-ธนภัทร อินทวิพันธุ์” รองประธาน หัวหอกคนสำคัญของค่ายชบาแดง ช่วงนี้กำลังสาละวนอยู่กับการต่อสัญญาระหว่างเดมเลอร์กับกลุ่มตันจง พักนี้ก็เลยดูจะเงียบไปบ้าง แต่ท่านพ่อเลี้ยงเอก็ยังเสียงดังฟังชัดว่าแม้ตอนนี้จะยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการต่อสัญญาฉบับใหม่ แต่ฟูโซ่และดีลเลอร์ทั่วประเทศก็ยังให้บริการหลังการขายอยู่เหมือนเดิม ปัญหาเรื่องอะไหล่ยังพร้อมให้บริหารเหมือนเดิมเช่นกัน ความชัดเจนในเรืองนี้หรือฟูโซ่ประเทศไทยจะเดินเกมอย่างไรต่อไป “ตะวันเพลิง” จะนำเสนอให้ในครั้งต่อไป รักษาสุขภาพทางแพทย์บ้างนะครับท่านพี่ คริคริ
***ฟากค่ายยุโรปอย่างค่ายสแกนเนีย หลังเปิดศักราช 2559 ได้มาเกือบครึ่งปี ยอดขายของสแกนเนียก็กระเตื้องดีขึ้นเรื่อย มีการส่งมอบรถใหม่ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และรถที่ขายดิบขายดีเห็นจะเป็นรุ่น P-Series ทั้ง P-360 และP-410 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปีแล้ว โดยรุ่นนี้ได้เพิ่มระบบเกียร์อัจฉิยะ Scania Opticruise เข้าไปในรถรุ่นนี้ด้วย ซึ่งระบบเกียร์อัจฉริยะนี้จะช่วงสร้างประสิทธิภาพในการขับขี่เหนือระดับ ส่วนกิจกรรมส่งเสริมการตลาดนั้น “คุณแก้ว- ทัศนันท์ ปิยะอักษรศักดิ์” ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารและการตลาด บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด บอกว่าปีนี้จะเน้นการจัดโร้ดโชว์ทั่วประเทศเป็นหลัก เพื่อให้ลูกค้าของสแกนเนียได้ลองสัมผัสรถสแกนเนียตัวจริง หรือจะทดลองขับก็ย่อมได้ พร้อมกับพบกับข้อเสนอหรือโปรโมชั่นพิเศษที่สแกนเนียมอบให้ งานนี้รับรองแฟนพันธุ์แท้รถสแกนเนียไม่พลาดแน่
***ขณะที่ความเคลื่อนไหวของค่ายรถยุโรปอีกยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งเป็นรถสายพันธุ์แกร่งสัญชาติเยอรมัน หลังจากหลุดมือจากกลุ่มตันจง ก็ถูกจับตาว่าใครจะหยิบชิ้นปลามันไปโซ้ย ลุ้นไปลุ้นมาหวยก็ไปออกที่เจ้าพ่อรถบัสจีนอย่าง “คุณหลิน เข่อนั่ว” ประธานกรรมการ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ก่อนหน้านี้ก็ชิมรางเป็นตัวแทนจำหน่ายรถบรรทุกจีนยี่ห้อหนึ่งไปบ้างแล้ว คราวนี้ได้ของดีมาครองในฐานะตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย งานนี้เล่นเอาค่ายรถยุโรปด้วยกันต่างจับตาไม่กระพริบ เพราะคุณหลินการันตีถึงกึ๋นนับการตลาดมือฉมัง พวกกับนิสัยกล้าได้กล้าเสีย อีกทั้งแบรนด์ดังกล่าวนี้ ทั้งในส่วนรถบัสและรถบรรทุก ผู้คร่ำหวอดในแวดวงรถใหญ่ต่างรู้คุณภาพและมาตรฐานของรถยี่ห้อนี้เป็นอย่างดี เพียงแต่ว่าก่อนนี้อยู่ผิดที่ผิดทางต่างหาก จึงไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างเท่าที่ควร คราวนี้อยู่ภายใต้การกุมบังเหียนของคุณหลิน ผู้ที่ทำสร้างแบรนด์รถบัสสายพันธุ์มังกรอย่างยี่ห้อซันลองติดตลาดเมือไทยเป็นที่เรียบร้อย ว่ากันว่าเวลานี้มีรถบัสซันลองโลดวิ่งบนท้องถนนเมืองไทยเกือบหมื่นคันแล้ว แม้เจ้า…เด็ดสะระตี่ตี๋เมืองมังกรจริงๆ
***ฟากฝั่งความเคลื่อนไหวของสมาคมขนส่งต่างๆ ในเวลานี้เห็นทีจะเป็นประเด็นการผงาดขึ้นดำรงตำแหน่งประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยของ “คุณทองอยู่ คงขันธ์” ที่ได้รับการมติเห็นชอบจากที่ประชุมอย่างท่วมท้น งานนี้ต้องนิ้วให้ปราการหลังสุดแกร่งอย่าง “เฮียวอ-วรวิทย์ เจริญวัฒนพันธ์ ” อดีตนายกสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิติกส์ไทย ที่ดันสุดแรงเกิดและส่งเข้าประกวด ไม่ได้ก็ไม่รู้จะว่าไงล่ะ เรียกได้ว่าเส้นทางการทะยานขึ้นเป็น “ประมุขขนส่งเมืองไทย” ของคุณทองอยู่คราวนี้ จะต้องถูกกล่าวขานไปอีกนาน เพราะการได้มาซึ่งตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ล้วนถูกผูกเรื่องเป็นซีรีย์ยังหนังเกาหลีซะอีก คริคริ
***ด้านประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยใหม่ป้ายแดง ก็ประกาศกร้าวเสียงดัง(ติดทองแดง)ฟังชัดว่าจะนำพามวลสมาชิกและสมาคมต่างๆไปสู่เป้าหมาย โดยเน้นความโปร่งใส่ ตรวจสอบได้ และที่สำคัญต้องยืนอยู่พื้นฐาน “ความสามัคคี” เป็นหลัก พร้อมเดินหน้าปราบความไม่ชอบธรรมในแวดวงขนส่ง และจะสร้างความชอบธรรมให้เกิดขึ้นในทุกมิติ “ตะวันเพลิง” เชื่อเหลือเกินว่าทุกย่างก้าวคุณทองอยู่จะถูกจับตาเป็นพิเศษแน่ รู้ทั้งรู้ว่าวงการนี้คลาคล่ำไปด้วยบรรดา “เสือ สิงห์ กระทิง แรด” ทั้งนั้น ลำพังกึ๋นอย่างเดียวเอาไม่อยู่แน่ ที่สำคัญต้องใจถึงพึ่งได้ ถ้ายังทำตัวขี้เหนียวขี้ตืดอย่างที่เป็นอยู่ รับรองไปไม่รอดแน่ ยังไงก็ต้องให้โอกาสในการทำงานท่านประธานสหพันธ์ฯคนใหม่ ว่าจะออกมาไฉไลอย่างที่ฉายหนังโฆษณาหรือไม่
***ส่วนอดีตประธานสหพันธ์ฯคนเก่าอย่าง “คุณยู เจียยืนยงพงศ์” หลังจากโบกมือลาตำแหน่งที่ดำรงมานานเกือบ 16 ปี ก็โบยบินโกอินเตอร์รับตำแหน่ง “ประธานสหพันธ์การขนส่งทางรถบรรทุกแห่งอาเซียน” เรียกได้เป็น “ประมุขขนส่งอาเซียน” ไปซะแล้ว “ตะวันเพลิง” ก็ไม่แปลกใจหรอกที่คุณยูจะโลดแล่นออกนอกสยามเมืองยิ้ม เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่นของชาติสมาชิกอาเซียนในด้านการขนส่งทางถนนให้เกิดความคล่องตัว ภายใต้ประโยชน์ร่วมกันของทุกชาติสมาชิก เพราะด้วยความสามารถและประสบการณ์ที่โชกโชน พวกกับบารมีที่สั่งสมมานาน จึงได้รับความวางใจจาก 7 ชาติสมาชิกอาเซียนให้ได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ “ตะวันเพลิง” ขอแสดงความยินดีด้วยครับเฮียยู ไปสำรวจเส้นทางแถบประเทศลาว พม่า เวียดนาม อย่าลืมชวนร่วมทริปด้วยล่ะกัน …สักครั้งจะไม่ลือพระคุณครับ ฮ่า ฮา ฮา
***วันก่อน Say Hello เพื่อสอบถามกรณีทางการลาวได้ทำการขอเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัว จากเดิมเก็บที่ 1,610 บาทต่อคัน เป็น 3,123 บาทต่อคัน เพิ่มขึ้นอีก 1,513 บาทต่อคัน บริเวณด่านเปลี่ยนถ่ายสินค้าฝั่งลาว สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 4 เชียงของ-หวยทราย สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องขนส่งไทยที่ใช้เส้นทางนี้ขนส่งสินค้าไปยังจีน ซึ่งทางการลาวอ้างเป็นการเก็บรายได้เข้าแขวงฯ ส่วนทผู้ประกอบการไทยเห็นว่าเป็นการเก็บที่แพงเกินไป ไม่สามารถแบกรับภาระนี้ได้ เพราะต้องไปเสียค่าธรรมเนียมที่ด่านบ่อเต็นชายแดนลาว-จีน อีกจุดหนึ่ง รวมๆแล้วค่าธรรมเนียมในลาวเสียอยู่ประมาณ 6,000-8,000 บาท อนิจจา…ทำไมน้องลาวทำกับพี่ไทยได้เพียงนี้ “ตะวันเพลิง”กะจะได้ข้อกระจ่างแจ้งจากท่านประธานยู แต่เผชิญเกิดป่วยนอน ร.พ. เพราะซ่าส์เกิดขอบเขต หมอกำชับห้ามซ่าส์ 1 เดือน งานนี้เลยอดได้คำตอบพลางสงกะสัยว่าเฮียไปซ่าส์อะไร ฮ่าฮาๆๆๆๆ อีกไม่นานคงได้คำตอบ ยังไงก็หายป่วยเร็วๆนะครับเฮีย
