กรมศุลฯ ไล่บี้รถยนต์หรู 4 ยี่ห้อ จำนวน 250 คัน ทำรัฐขาดรายได้ 4,200 ล้านบาท พร้อมปรับปรุงประกาศ 317/2547 เป็น 317/2560 เพื่อปรับราคาประเมินรถยนต์นำเข้าให้สอดคล้องกับความเป็นจริง “ชัยยุทธ” ย้ำคาดว่ามีรถยนต์เสียภาษีนำเข้าต่ำกว่าความเป็นจริงนับหมื่นคัน
นายชัยยุทธ คำคุณ รองอธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่าผลการตรวจสอบรถยนต์หรู 4 ยี่ห้อ ซึ่งประกอบด้วย ลัมโบกินี มาเซราติ เฟอร์รารี และปอร์เช่ จำนวน 250 คัน จากทั้งหมด 300 คันที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งหลักฐานจากประเทศอังกฤษให้กรมศุลกากรตรวจสอบพบว่า มีรถจำนวน 250 คัน เสียภาษีนำเข้าไม่ครบถ้วนทำให้ภาษีขาดหายไป 4,200 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 50 คัน กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ซึ่งยังไม่สามารถประเมินว่า รถยนต์ทั้ง 50 คัน ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบจะมีภาษีขาดหายไปเท่าไหร่
“ที่ผ่านมา กรมศุลกากรทำงานภายใต้หลักการของประกาศกรมศุลกากร 317/2547 เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการตรวจปล่อยรถยนต์ โดยจะไม่เก็บภาษีมาก หรือน้อยเกินไปจากราคาที่ประกาศซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี2547 ขณะที่ ผู้นำเข้าต้องการสำแดงราคารถยนต์ให้ถูกต้อง และตรงกับความจริงเพื่อให้เจ้าหน้าที่ประเมินภาษีอากรให้ถูกต้อง ซึ่งในกรณีนี้ หากเจ้าหน้าที่เห็นว่า ราคารถยนต์ที่สำแดงต่ำเกินไปก็จะปรับราคารถยนต์นำเข้าให้สูงขึ้น แต่ถ้าหากเห็นด้วยกับราคาที่สำแดงก็จะอนุญาตให้นำรถออกจากท่าเรือไปได้”
นายชัยยุทธ กล่าวว่าต่อมาประเทศอังกฤษได้ส่งข้อมูลรถยนต์ให้ดีเอสไอ ตรวจสอบกรณีรถยนต์ในประเทศอังกฤษถูกโจรกรรม โดยได้ส่งราคารถยนต์หรูทั้ง 4 ยี่ห้อ จำนวน 300 คัน ให้กรมศุลกากรตรวจสอบเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา จึงพบรถยนต์ 250 คัน เสียภาษีไม่ครบถ้วนเป็นเงินถึง 4,200 ล้านบาท
“เอกสารที่กรมศุลกากรใช้ตรวจสอบเช่น ใบ Invoice (ใบแจ้งราคาสินค้า) ที่ผู้นำเข้าแจ้งกับกรมศุลกากร และใบ Invoice ที่ซื้อขายในประเทศอังกฤษ หลักฐานการเสียภาษีต่างๆ เป็นต้น ทำให้กรมศุลกากรไทยรับทราบข้อมูลว่า รถยนต์ที่ผู้นำเข้าซื้อจากประเทศอังกฤษและส่งมาที่ไทย แจ้งราคาต่ำเกินจริงบางคันมากถึง 100% ดังนั้น การตรวจสอบภาษีรถ ยนต์หรูดังกล่าว จึงเป็นการดำเนินตามเอกสารที่ดีเอสไอส่งมอบให้แก่กรมศุลกากร ซึ่งขณะนี้ ดีเอสไอก็ได้ส่งเอกสารของรถยนต์หรูมาให้แล้ว 300 คัน ส่วนในอนาคตจะมีอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดีเอสไอ“
นายชัยยุทธ์ กล่าวว่า หลังจากที่กรมศุลกากรได้รับเอกสารจากดีเอสไอแล้ว จึงมีการออกประกาศ 317/2560 ใหม่ เมื่อวันที่ 25 ส.ค.2560 โดยได้ปรับปรุงราคารถยนต์นำเข้าของทั้ง 4 ยี่ห้อตามเอกสารและหลักฐานของดีเอสไอ ทำให้ผู้นำเข้ารถยนต์เข้าใจว่า กรมศุลกากรปรับราคารถยนต์ด้วยตนเอง จึงขอชี้แจงว่า ราคารถยนต์ที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้น สะท้อนมาจากเอกสารจริงที่ทางการอังกฤษส่งมอบให้ดีเอสไอ และดีเอสไอส่งมอบให้กรมศุลกากรอีกทอดหนึ่ง ทำให้ราคารถยนต์ที่ผู้นำเข้าสำแดงต้องสอดคล้องกับประกาศ 317/2560 ด้วย ซึ่งจะทำให้ราคารถยนต์นำเข้าจากเดิมที่เคยแจ้งต่ำกว่าความเป็นจริง ต้องปรับราคานำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ส่วนแนวทางการเรียกเก็บภาษีที่ขาดหาย 4,200 ล้านบาทนั้น ขณะนี้ กรมศุลกากรอยู่ระหว่างการเชิญผู้นำเข้ามารับทราบข้อมูลที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้นำเข้าสามารถขออุทธรณ์ได้ภายใน 60 วัน แต่หากไม่มีข้อสรุปก็จะส่งเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของศาลแพ่งเพื่อเรียกภาษีที่ขาดกลับคืนเข้าคลัง ส่วนความผิดทางอาญานั้น จะเป็นหน้าที่ของดีเอสเอไอ สำหรับเจ้าของรถยนต์หรูที่ซื้อรถต่อจากเอเย่นต์ หรือเกย์มาร์เก็ตนั้น ก็ขึ้นอยู่กับหลักการกฎหมายหากซื้อมาโดยไม่รู้ว่า เป็นรถยนต์ที่เสียภาษีไม่ครบถ้วนก็ไม่มีโทษ แต่หากรู้อยู่แก่ใจว่า รถยนต์หรูที่ครอบครองเป็นรถที่เสียภาษีไม่ครบก็เข้าข่ายสมรู้ร่วมคิดด้วย