น.ท.สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยถึงกรณีผู้โดยสารออกมาโวยวายที่ต้องรอตรวจที่เคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)เป็นเวลานานว่าวันที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น เป็นช่วงกลางคืนของวันที่ 5 ส.ค. ระหว่างเวลา 23.00 น. ถึง 03.00 น. โดยทางเคาน์เตอร์ ตม.เข้าเวรครบทั้ง 17 เคาน์เตอร์ ปัญหาเกิดจากการสะสมของผู้โดยสารเนื่องจากปกติช่วงเวลานั้นมีจำนวน 21 เที่ยวบิน แต่ปรากฏว่าช่วงเวลานั้นมีเที่ยวบินปกติล่าช้า(ดีเลย์) 3 เที่ยวบินทั้งจากสิงคโปร์ 2 เที่ยวบิน และฮ่องกง 1 อีกเที่ยวบิน อีกทั้งยังมีเที่ยวบินพิเศษจากจีนอีก 1 เที่ยวบิน ประกอบกับก่อนช่วงเวลา 23.00 น.ก็มีเที่ยวบินดีเลย์รวม 9 เที่ยวบิน จนทำให้ขีดความสามารถของ ตม.ไม่เพียงพอ เพราะโดยปกติจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 800 คนต่อชั่วโมง ซึ่งในวันนั้นทาง ตม.ก็สามารถดำเนินการได้ถึง 1 พันคนต่อชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอ
“ตอนที่เปิดอาคารหลัง 1 เป็นอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ที่ออกแบบไว้เพื่อรองรับ 20 ล้านคนต่อปี และอาคาร 2 เป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ รองรับ 18.5 ล้านคนต่อปี และอาคารภายในประเทศ 11.5 ล้านคน รวมเป็น 40 ล้านคนต่อปี โดยขีดความสามารถของอาคารทั้งอาคาร 1 และ 2 ในปี 2549 ซึ่งเป็นปีที่เปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสามารถรองรับได้ 38.7 ล้านคน เมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบัน คือ ปริมาณผู้โดยสารตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2559-3 สิงหาคม 2560 อยู่ที่ประมาณ 31 ล้านคนแล้ว คิดเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศถึง 11 ล้านคน และเมื่อดูจากตัวเลขผู้โดยสารที่ใช้บริการประมาณ 1 แสนคนต่อวัน คาดว่าในเดือนกันยายนนี้ตัวเลขผู้โดยสารจะอยู่ใกล้เคียงกับปี 2549 คือ ประมาณ 38 ล้านคนแน่นอน”
นอกจากนี้ น.ท.สุธีรวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาความหนาแน่นของผู้โดยสารดังกล่าวนั้น เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ท่าอากาศยานดอนเมืองได้ปรับปรุงขั้นตอนการเอ็กซเรย์กระเป๋าใหม่จากเดิมเอ็กซเรย์กระเป๋าก่อนไปเข้าเช็คอิน ก็เป็นการเข้าไปเช็คอินแล้วให้ผู้โดยสารนำกระเป๋าไปเข้าเครื่องเอ็กซเรย์เพื่อโหลดกระเป๋าเข้าไปสายพานด้านล่าง ซึ่งส่งให้เพิ่มตัวเครื่องเอ็กซเรย์จากเดิม 4 เครื่อง เป็น 10 เครื่องได้ และจะติดตั้งให้ครบ 15 เครื่องในเดือนกันยายนนี้ ก็จะสามารถเพิ่มขีดความสามรถในการรองรับผู้โดยสารได้ จากเดิมจะใช้เวลาเช็คอินประมาณ 45 นาทีถึง 1 ชม. ก็จะเหลือไม่เกิน 45 นาที
“สิ่งที่ต้องดำเนินการแก้ไขเร่งด่วน ก็คือ เคาน์เตอร์ ตม.ขาออกและขาเข้า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างทำแบบและร่างแบบเพื่อเสนอไปยังสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.)เพื่อดำเนินการปรับปรุงเพิ่มช่อง ตม.ขาเข้าอีก 8 ช่อง อีกทั้งในเรื่องนี้ได้หารือกับทาง ตม.แล้ว และตม.ก็ได้รับบรรจุเจ้าหน้าที่แล้ว 48 อัตรา โดยส่วนหนึ่งก็ได้บรรจุเข้ามาแล้ว แต่ยังไม่สามารถปฏิบัติงานได้ เพราะต้องมีการอบรมตามกฎหมายเพื่อให้สามารถทำงานที่ช่อง ตม.ได้ คาดว่าช่องตรวจของ ตม.จะดำเนินการได้แล้วเสร็จในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งจะสัมพันธ์กับ ตม.ที่เข้าบรรจุใหม่ด้วย เมื่อดำเนินการทั้งหมดเสร็จแล้ว จะทำให้ขีดความสามารถของ ตม.จะสามารถรองรับได้ 1,800 คนต่อชั่วโมง จากปัจจุบันที่รองรับได้ 800 คนต่อชั่วโมง”
ถึงกระนั้น ปัจจุบันสนามบินดอนเมืองมีช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติที่มีไว้ให้บริการสำหรับคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศอยู่ 4 ช่อง แต่พบว่าใช้งานน้อยมาก ดังนั้น ท่าอากาศยานดอนเมืองจะจัดพนักงานไว้คอยให้บริการและประชาสัมพันธ์ให้กับผู้โดยสารไทยให้มากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อลดความแออัดของเคาน์เตอร์ ตม. ก็จะช่วยให้การระบายดีขึ้น และหลังจากนี้ก็จะปรับปรุงช่อง ตม.ขาออกเพิ่มให้เป็น 11 ช่อง เพื่อให้มีขีดความสามารถรองรับขยายตัวในระหว่างที่การพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมืองระยะที่ 3 ยังไม่ได้ดำเนินการ โดยจะดำเนินการได้ภายในสิ้นปีนี้
“เมื่อปรับปรุงเคาน์เตอร์ ตม.แล้ว คาดว่าจะเพียงพอต่อการให้บริการผู้โดยสารย่างแน่นอน แต่ต้องเป็นเกณฑ์ที่เดินทางปกติ แต่หากมากเหมือนวันที่ 5 ส.ค.ยังไงก็ไม่พอ ทั้งนี้ต้องขอชี้แจงเกี่ยวกับขีดความสามารถเรื่องเที่ยวบินที่ท่าอากาศยานดอนเมืองด้วยว่า จริงๆแล้วสามารถรองรับได้ 44 เที่ยวบินต่อชั่วโมง แต่เวลานี้รองรับถึง 55 เที่ยวบินต่อชั่วโมง นั่นหมายความว่าที่กำหนดไว้ 44 เที่ยวบินได้เผื่อเรื่องของความปลอดภัย กรณีเที่ยวบินฉุกเฉิน ดีเลย์ไว้แล้วในตัว แต่เมื่อความต้องการของนักท่องเที่ยวมากขึ้นจึงเพิ่มให้เต็มเลย พอมีเหตุดีเลย์ขึ้นในตอนนี้จึงเกิดปัญหาขึ้น ตรงนี้ก็ต้องพยายามแก้ทางกายภาพ”