“ราคาข้าวโพดตกต่ำอยู่ที่ 3-4 บาทต่อกิโลฯ ก็ต้องไปถามกับทางพ่อค้ารับซื้อข้าวโพดว่า ซื้อ-ขายกันที่ราคาเท่าไหร่ หรือกดราคากับเกษตรกรหรือไม่ ใครกันแน่ทำลายเกษตรกร “
กลายประเด็นถกเถียงของตลาดซื้อ ขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทำไมราคาจึงตกต่ำอยู่ที่ 3- 4 บาท นับตั้งแต่ปี 2559 ของทั้ง 2 ฝ่ายคือ พ่อค้าพืชไร่ กับสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย ซึ่งต่างฝ่ายก็มีมุมมองแตกต่างกัน ฝ่ายสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยถึงกับตั้งคำถามว่า “ใครกันแน่ทำลายเกษตรกร ทำไมราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศตกต่ำอยู่ที่ราคา 3-4 บาท”
พร้อมกับยืนยันการรับซื้อข้าวโพดว่า สมาคมต้องซื้อข้าวโพดราคากิโลกรัมละ 8 บาท ความชื้นอยู่ที่ 4.5 ซึ่งเป็นราคาตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดทุกประการ แต่ในความเป็นจริงการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แต่ละครั้งนั้นต้องซื้อผ่านกลุ่มพ่อค้า แต่เหตุใดราคาการซื้อ- ขาย ข้าวโพดระหว่างเกษตรกรกับพ่อค้าไม่มีมาตรการควบคุมบังคับไว้ ดังนั้น การที่ระบุว่า ราคาข้าวโพดตกต่ำอยู่ที่ 3-4 บาทต่อกิโลฯ ก็ต้องไปถามกับทางพ่อค้ารับซื้อข้าวโพดว่า ซื้อ-ขายกันที่ราคาเท่าไหร่ หรือกดราคากับเกษตรกรหรือไม่
พรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมอาหารสัตว์ไทยเปิดเผยกับ “LOGISTICS TIME” ถึงการรับชื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ ว่า ปริมาณการผลิตข้าวโพดภายในประเทศประมาณ 4.5 ล้านตันต่อปี และความต้องการใช้ในประเทศอยู่ประมาณ 8 ล้านตันต่อปี แต่ปริมาณความต้องการข้าวโพดขาดไป 3.5 ล้านตัน ดังนั้น ส่วนที่ขาดหายไปก็ต้องมีสินค้าเข้ามาทดแทน และสมาคมก็ซื้อข้าวสาลีมาทดแทน ซึ่งเป็นข้าวสาลีที่ถูกต้องตามกฎหมายประมาณ 3.5 ล้านตัน
“เราไม่ได้กระทำความผิดอะไรเลย และมีพ่อค้าชายแดนนำเข้าข้าวโพดมา ตามกฎหมายพาณิชย์ห้ามนำเข้าตั้งแต่เดือนก.ย. –ม.ค. เพราะต้องการปกป้องเกษตรกรไทย หากนำเข้าก็ต้องถูกกฎหมายเท่านั้น แต่ทราบหรือไม่ พ่อค้ารับสารภาพเองต่อหน้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ว่า มีการลักลอบนำเข้าข้าวโพด 1 ล้านตัน เป็นการลักลอบที่ผิดกฎหมาย ถ้าหากสมาคมรับซื้อข้าวโพดที่ลักลอบเท่ากับทำผิดกฎหมาย เพราะเข้าข่ายรับซื้อของโจร แต่ตอนนี้มาพูดมีการลักลอบ 1 ล้าน ใครลักลอบต้องไปหาแล้ว ”
ส่วนกรณีการกดราคาข้าวโพดให้ราคาตกต่ำลงไป กลับไม่มีใครพูดถึง แต่พูดถึงเรื่องการนำเข้าข้าวสาลีที่ทางสมาคมรับซื้อ ซึ่งไม่ได้เกิดปริมาณเป็นไปตามความต้องการใช้ภายในประเทศ ดังนั้น ก็ถามกลับไปว่า “ ใครกันแน่ทำลายเกษตรไทยกันแน่ ” ที่ผ่านมา ข้อมูลตรงนี้รัฐมนตรีเกษตรรับฟังอยู่ท่านต้องไปดำเนินการไม่ต้องให้ข้อมูลเพิ่มแล้ว รวมทั้งอธิบดีกรมการค้าภายในก็นั่งอยู่ในที่ประชุมดังกล่าว อย่างไรก็ตาม “ใครพูดอะไรไว้ก็ต้องยอมรับ”
พรศิลป์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา การสำรวจปริมาณข้าวโพด โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐปริมาณข้าวโพดภายในประเทศอยู่ที่ 4- 5 ล้านตัน แต่มี (บางคน) พยายามถกเถียง โต้แย้งว่า ตัวเลขต่ำไป โดยอ้างตัวเลขเมล็ดพันธุ์หรืออ้างตัวเลขที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ เหตุผลที่พูดอย่างนี้เพื่อต้องการให้ตัวเลขสูงขึ้น หมายความว่า ตัวเลขมีช่องโหว่ ใช่หรือไม่ เพื่อต้องการลักลอบนำเข้าข้าวโพดต่างประเทศมาทดแทนได้อย่างถึงถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้น เมื่อมีกลอุบายเพื่อนำตัวเลขมาเสียบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องใช่หรือไม่ น่าเสียดายที่มีคนคิดแบบนี้
เสนอ “พ่อค้าพืชไร่” ประกันราคาข้าวโพด
ส่วนกำหนดมาตรการให้โรงงานอาหารสัตว์ต้องซื้อข้าวโพดในประเทศ 3 ส่วน เพื่อได้สิทธินำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน (จากมาตรการ 3 ต่อ 1) เพื่อแก้ปัญหาราคาข้าวโพด ความจริงเรื่องนี้เราก็ทำตามนั้น เป็นแนวคิดร่วมกันระหว่างรัฐกับองค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อสกัดไม่ให้ข้าวสาลีเข้าประเทศ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกี่ยวข้องของซัพพลายเซนธุรกิจรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงประกอบด้วย สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย สมาคมพืชไร่ และเกษตรกร ดังนั้น หากต้องการให้ราคาข้าวโพดของเกษตรกรตกต่ำ คนที่จะประกันราคาใม่ให้ตกต่ำต้องเป็นพ่อค้าไม่ใช้ตน หรือสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย เพราะอยู่ใกล้ชิดกัน
“ เวลานี้ต้นทุนเกษตรกรเท่าไหร่ อยู่ที่ 4.5 บาทหรือไม่ แต่มีการพูดกัน 6.10 บาท ก็แล้วจะกำหนดราคาข้าวโพดอยู่ที่เท่าไหร่ หลังจากนั้นให้พ่อค้าการันตีว่ากำหนดราคาเท่าไหร่ ซึ่งไม่ใช่ผม เพราะไม่เกี่ยวกับห่วงโซ่นี้ แต่ที่ผ่านมาไม่ทราบมาได้อย่างไร ประกันราคาโดยผม ทั้งหมดหากทำตามนี้ได้เกษตรกรประโยชน์ตรงๆ ได้แน่นอน ”
ในเมื่อราคาข้าวโพดได้รับการประกันจากพ่อค้าแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็ควรปล่อยให้มีการเข้าจากชายแดน ไม่ต้องลักลอบแล้ว ต้นทุนชายแดนถูกก็นำมาขายให้สมาคมได้ แต่สมาคมไม่มีกำลังซื้อข้าวโพดได้ 1 ล้านตัน รอบแรกซื้อประมาณ 5 แสนตันหรือครึ่งหนึ่ง ฉะนั้น สิ่งที่เกินขึ้นมาตามระบบเดิม พ่อค้ากลุ่มนี้ หรือผู้ส่งออก ก็มักกล่าวจะอ้างว่าสินค้าล้นมันตลาดราคานี้รับซื้อไม่ได้ การกล่าวอ้างทำให้สมาคมมีปัญหาเกิดขึ้น หากต่อปีเปิดฟรีอิสระก็จะทำให้พ่อค้าและผู้ส่งออกก็นำสินค้าไปขายต่างประเทศทันที
“แต่ถ้าไม่เปิดฟรีก็มีการกล่าวอ้างได้ทั้งหน้าตากลุ่มคนพวกนี้รัฐบาลไม่ได้ควบคุมราคาให้รับซื้อข้าวโพดราคา 8 บาท เหมือนกับควบคุมเราต้องรับซื้อข้าวโพดราคา 8 บาท ดังนั้น พ่อส่งออกก็จะรับข้าวโพดในราคาที่ 6 -7 ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำ เพื่อนำส่งเป็นสินค้าส่งออก ทั้งที่ความจริงควรซื้อในราคา 8 บาทเช่นกัน จากนั้นก็นำมาเคลมกับรัฐ เพื่อบอกให้สังคมทราบว่าพ่อค้ากลุ่มนี้ให้ช่วยเหลือทำส่งออก แต่ขณะเดียวกัน กลุ่มพ่อค้าดังกล่าว ยังมีการกล่าวหาสมาคมผลิตอาหารสัตว์ไทยว่า “ ไม่รับซื้อข้าวโพดทั้งหมด ” การพูดเช่นนี้เป็นลูกเล่น เป็นการหาผลประโยชน์จากเรื่องนี้”
แนะเปิดนำเข้าเสรี ปัญหาลักลอบจากเพื่อนบ้าน
อย่างไรก็ตาม ปัญหาราคาข้าวโพดที่เกิดขึ้นทางกรมการค้าภาย กระทรวงพาณิชย์ได้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ดีมากแล้วที่พยายามสร้างความสมดุล โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกษตรกรได้ประโยชน์สูงสุด แต่ถ้าต้องการให้เกษตรกรได้ประโยชน์ขึ้นอีก ก็อยากเสนอให้พ่อค้าเป็นผู้ “ประกันราคาข้าวโพด” เมื่อปี 2559 พูดกันมากว่า ราคาข้าวโพดตกต่ำ ถามว่าใครเป็นคนพูด “พ่อค้าใช่หรือไม่” เพราะฉะนั้น อยากเสนอให้พ่อค้ารับผิดชอบราคาขั้นต่ำข้าวโพดกับเกษตรกร ส่วนสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ฯจะรับซื้อข้าวโพดกับพ่อค้าทั้งหมด
การนำเข้าสินค้าภายใต้ข้อตกลงอาเซียน การนำสินค้าอย่างเสรีไม่มีกำแพงและโควตา แต่ถูกขีดกั้นไว้เกี่ยวกับมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี จึงทำให้พ่อค้าตามแนวชายแดนตั้งคำถามว่า ทำไมเปิดเสรีแล้วจึงไม่นำเข้าข้าวโพด จึงมาตรการที่เรียกว่า NPB ดังนั้น จึงอยากเสนอภาครัฐให้เปิดนำเข้าข้าวโพดเสรี เพราะสุดท้ายไม่ต้องเป็นห่วงปริมาณข้าวสาลีจะหายไปเอง กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดในประเทศจะได้ประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ การที่กรมการค้าภายในประกาศมาตรการขึ้นทะเบียนในกลุ่มสินค้า 3 ราย ประกอบด้วย ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพดเลี้ยง และน้ำตาล ดีเดย์เดือนสิงหาคมนี้ เป็นเรื่องที่ดีส่วนตัวเห็นด้วย เพราะเป็นมาตรการที่ดีสามารถควบคุมใครเป็นพ่อค้าบ้างมีจำนวนกี่ราย อีกทั้งกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศก็ได้รับการปกป้องอย่างแท้จริง
“ การเปิดเสรีนำเข้าข้าวโพดจะไม่ส่งผลกระทบทำให้ข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้านทะลักเข้ามาบ้านเรา เพราะความต้องการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศมีปริมาณขาดอยู่ที่ 3 ล้านตัน แต่อาจจะติดขัดบ้างในช่วงข้าวโพดมีผลิตออกมาในช่วง 3 เดือนท่านั้น การเปิดเสรีภาครัฐก็ยังควบคุมประกันราคาข้าวโพดคงไว้เหมือนเดิม ส่วนพ่อค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จะส่งออก หรือจะขายภายในประเทศ และส่วนที่เหลือก็เก็บเข้าสต็อก เพื่อนำออกขายช่วงในฤดูกาลข้าวโพดขาดตลาด”พรศิลป์กล่าวในที่สุด