เถ้าแก่พันธ์ทิพย์ ทรานส์ เซอร์วิส คว้าชัย Volvo Trucks Fuelwatch 2017 ตีตั๋วชิงแชมป์ APAC ที่สวีเดน

0
275

การแข่งขัน Volvo Trucks Fuelwatch Challenge ประจำปี 2017 ได้ผู้ชนะทั้งประเภท On Road และประเภท Off Road เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยประเภท On Road ได้แก่ นายสิทธิกร สอนสุจิตรา เจ้าของบริษัท พันธ์ทิพย์ ทราน เซอร์วิส ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขนส่งในเขตภาคกลาง คว้าชัยเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมรายการ APAC Fuelwatch Challenge 2017 ที่ประเทศสวีเดน ในขณะที่ประเภท Off Road ในปีนี้ซึ่งจัดแข่งขันที่ประเทศไทย Mr. Der ตัวแทนจากบริษัท ภูเบี้ย ไมน์นิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานขนแร่ในประเทศลาว เป็นผู้ชนะในรายการนี้ ได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันในรายการเดียวกันประเภท Off Road ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 กันยายน ที่ประเทศสวีเดน เพื่อลุ้นเป็นตัวแทนประจำภูมิภาค เข้าชิงชัยคว้าแชมป์โลกในที่สุด

 

นายกำลาภ ศิริกิตติวัฒน์ ประธานกรรมการ วอลโว่ ทรัคส์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า การแข่งขันขับขี่ปลอดภัยและประหยัดน้ำมันที่จัดขึ้นในประเทศไทย  ภายใต้ชื่อ Volvo Trucks Fuelwatch Challenge 2017 ในปีนี้ นับเป็นครั้งแรกที่มีการจัดแข่งขันเกิดขึ้นที่ประเทศไทยครบทั้ง 2 ประเภท คือ ประเภท  On Road และประเภท Off Road ในประเทศไทย และได้ตัวแทนทั้งสองประเภทเข้าร่วมแข่งขันในรายการ APAC FuelWatch Challenge 2017 ที่จะจัดขึ้น  ในประเทศสวีเดน และหากสามารถผ่านการคัดเลือกในรายการนี้ จะได้สิทธิ์เข้าร่วมชิงชัยในรายการ Global Fuelwatch Challenge 2017 ที่ประเทศสวีเดน เช่นกัน ซึ่งถือเป็นเกียรติยศสูงสุดของนักขับรถวอลโว่ ทรัคส์

 “การแข่งขัน Fuelwatch Challenge ปีนี้ เราให้ความสำคัญกับการแข่งขันรายการนี้มากเพราะจะเป็นเวทีที่จะยกระดับคุณภาพการขับรถบรรทุก ไม่เพียงแต่ความปลอดภัยที่เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจนี้ แต่การประหยัดพลังงานก็เป็นอีกความสำคัญหนึ่งที่จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถลดต้นทุนของตัวเองได้เพราะน้ำมันถือเป็นต้นทุนที่อยู่ในสัดส่วน 30% ของต้นทุนแปรผันทั้งหมด จึงทำให้เราได้พัฒนาการแข่งขันให้สอดคล้องกับเวทีโลก ทำให้ปีนี้ เราจึงจัดแข่งขันขึ้นทั้งประเภท On Road และประเภท Off Road โดยประเภท On Road เป็นการจัดขึ้นสำหรับนักขับชาวไทยเท่านั้น ส่วนประเภท Off Road ปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 แต่เป็นครั้งแรกที่จัดแข่งขันในประเทศไทย มีตัวแทนจาก 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และประเทศเมียนมา รวมทั้งหมด 8 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีนักแข่งสุภาพสตรี 2 คนจากฟิลิปปินส์เข้าร่วมชิงชัยด้วย” นายกำลาภ กล่าว

สำหรับกิจกรรมการแข่งขันขับขี่ปลอดภัยและประหยัดน้ำมัน Fuelwatch Challenge นั้น วอลโว่ ทรัคส์ ประเทศไทย ได้จัดอย่างต่อเนื่องโดยปีนี้ถือเป็นการจัดเป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน โดยในปีแรก พ.ศ. 2553 มีผู้สมัครเพียง 56 คน และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็น 65 คนในปี 2554 ปี 2555 มีผู้สมัคร 73 คน ปี 2556 มีผู้สมัคร 81 คน ปี 2557 120 คน ปี 2558 มีผู้สมัคร 150 คน ปี 2559 ผู้สมัครเพิ่มขึ้นเป็น 260 คน อย่างไรก็ตามในปีนี้ มีจำนวนผู้สมัครเท่าเดิมอยู่ที่ 260 คน ซึ่งนับว่ามีผู้สนใจเข้าร่วมการแข่งขันเพิ่มขึ้นทุกปี

ด้านนางสาววิลาวัลย์ วิศปาแพ้ว รองประธานฝ่ายการตลาดและสนับสนุนงานขาย กล่าวว่า Fuelwatch Challenge 2017 ในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนต่อเนื่องเป็นอย่างดีจากพันธมิตรตั้งแต่ปีแรกของการจัดการแข่งขัน อันได้แก่ มิชลินสยาม และไฮ เทรลเลอร์ เอเชีย ทั้งนี้เพราะทุกองค์กรที่เข้าร่วมสนับสนุนมีเป้าหมายที่ชัดเจน คือ การรณรงค์รักษาสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับความปลอดภัย และวินัยของผู้ขับขี่ ซึ่งถือเป็นค่านิยมหลักขององค์กร และภายหลังจากที่ Thailand Hub ได้ตัวแทนทั้งสองประเภทแล้ว วอลโว่ ทรัคส์ ประเทศไทย จะเปิดค่ายฝึกติวเข้มให้กับตัวแทนทั้งสองเพื่อเสริมทักษะและเทคนิคการขับขี่ให้เข้มข้นเพื่อให้สามารถทะลุเข้าสู่รอบ Global Fuelwatch Challenge 2017 ณ ประเทศสวีเดน

“การเป็นตัวแทน Thailand Hub นี้ถือว่าเป็นเกียรติยศอย่างสูงที่ได้โอกาสเข้าร่วม   ชิงชัยในสนาม Asia Pacific แต่หากสามารถทะลุเข้าไปถึงรอบสุดท้าย คือ Global Fuelwatch Challenge 2017 ได้จะถือว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดของพนักงานขับรถวอลโว่ ทรัคส์ เพราะจะเป็นโอกาสที่ประเทศไทยและประเทศลาว จะได้บุคลากรชั้นสูงสุดอยู่ในองค์กรเพื่อกระดับการพัฒนาพนักงานขับรถ  ซึ่งปัจจุบันอยู่ในสภาพขาดแคลนอย่างมาก” นางสาววิลาวัลย์ กล่าว

ทางด้าน นายสิทธิกร แชมป์ Fuelwatch Challenge 2017 ในครั้งนี้ กล่าวถึงความมั่นใจในการเข้าร่วมแข่งขัน APAC Fuelwatch Challenge 2017 ที่ประเทศสวีเดนว่า มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ดีที่สุด แต่ที่สำคัญคือตนได้สัมผัสกับรถวอลโว่ ทรัคส์ มาเป็นเวลานานด้วยความเชื่อมั่นในคุณภาพและระบบความปลอดภัย จึงทำให้สามารถเรียนรู้เทคนิคการขับขี่ปลอดภัยและประหยัดน้ำมัน

 

“การแข่งขันครั้งนี้ ผมใช้ทั้งเกียร์อัตโนมัติและเกียธรรมดาร่วมกันเพราะผมได้สัมผัสเรียนรู้กับรถบรรทุกวอลโว่ มาเป็นเวลานาน ทำให้ผมรู้ได้ว่าช่วงจังหวะไหนและในสภาพถนนแบบไหน ควรจะใช้เกียร์อะไร และเกียร์แบบไหน เพื่อให้ประหยัดพลังงานมากที่สุด การแข่งขันรอบสุดท้ายนี้ ผมสามารถวิ่งรถโดยไม่ได้ใช้น้ำมันเลยมากถึง 5 กิโลเมตร เพราะผมรู้ว่าจังหวะไหน สามารถใช้แรงส่งจากหางบรรทุกดันให้ตัวรถวิ่งไปข้างหน้าอย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องใช้น้ำมัน สิ่งเหล่านี้ เกิดจากประสบการณ์การทำงานของผม และผมพร้อมที่จะแบ่งปันประสบการณ์แบบนี้กับทุกคนครับ” นายสิทธิกร กล่าว

สำหรับ Mr. Der จากประเทศลาว ซึ่งเป็นตัวแทนประเภท Off Road กล่าวเพิ่มเติมว่า พร้อมที่จะเข้าร่วมแข่งขันในนาม Thailand Hub ที่ประเทศสวีเดน และเชื่อว่าจากประสบการณ์ในการทำงานจริงที่เหมืองในประเทศลาว จะสามารถนำประสบการณ์และทักษะจากการทำงานมาใช้เพื่อเป้าหมายเข้ารอบสุดท้ายระดับชิงแชมป์โลกที่ประเทศสวีเดน