“ประยุทธ์”เผยสัปดาห์หน้าออกคำสั่งมาตรา 44 เร่งเดินหน้าโครงการรถไฟไทย-จีน สั่งทุกหน่วยงานแจงข้อมูลให้ชัดเจนหวั่นถูกโจมตีใช้อำนาจพิเศษ ยันจะทำให้เร็วที่สุด ด้านคมนาคมแจง 5 ประเด็นปัญหาที่ทำให้โครงการสะดุดกึก ที่แท้เจอตอกฎหมายรัฐเองที่ออกมาพันคอ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้หัวหน้าคสช.ใช้อำนาจตามมาตรา44 ออกคำสั่งเร่งขับเคลื่อนโครงการลงทุนรถไฟไทย-จีน เส้นกรุงเทพ-นครราชสีมา ว่าขอสัญญาว่าจะทำให้ทุกอย่างสำเร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะโครงการใหญ่ ๆ เช่นโครงการรถไฟไทย-จีน ซึ่งติดปัญหาข้อกฎหมายที่มี ขอให้เห็นใจด้วย ไม่เช่นนั้นรัฐบาลทำไม่ได้ จะติดปัญหาไปหมด ยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด ให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์สูงสุด แต่หลายอย่างต้องทำไปตามพันธสัญญาที่เรามี เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลง และถ้ากฎหมายมีปัญหาก็ต้องแก้กฎหมายให้ทำได้ แต่รับรองว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใครทั้งสิ้น เราต้องสร้างมูลค่าเพิ่มของเราและอาเซียน ต้องมองภาพประเทศให้กว้างกว่าเดิม ไม่เช่นนั้นจะติดความคิดและปัญหาเดิมๆ ทำให้ไปตรงไหนไม่ได้
“สัปดาห์หน้าถึงจะออกคำสั่งมาตรา 44ในเรื่องดังกล่าว ซึ่งได้มีการหารือในที่ประชุมครม. กันหมดแล้ว รวมทั้งเรื่องของยางพารา ก็มีวิธีการแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรา 44 แต่ในเรื่องของรถไฟไทยจีน จำเป็นต้องใช้รวมทั้งเรื่องของพลังงานก็ต้องใช้คำสั่งมาตรา 44 บ้าง ไม่เช่นนั้นก็จะทำอะไรกันไม่ได้ ถ้าเอากฎหมายมาว่ากันทั้งหมดก็จะติดขัดอยู่เช่นนี้ ทำให้มองได้ว่ารัฐบาลไม่มีความก้าวหน้า การมีอำนาจก็ต้องใช้ให้ถูกต้องและใช้เมื่อจำเป็น”
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานรายงานข้อมูลต่าง ๆ ที่เป็นเหตุเป็นผลให้ครม.ทราบ โดยเฉพาะการผลักดันโครงการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หากไม่สามารถดำเนินการได้ด้วยกฎหมายปกติ และต้องแก้ไขด้วยการใช้อำนาจพิเศษมาตรา 44 เพื่อจะได้ไม่ถูกวิพาษก์วิจารณ์โดยที่ไม่ทราบรายละเอียดและเหตุผลที่ต้องใช้อำนาจพิเศษ
โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้รายงานให้ครม.ทราบว่าอยู่ระหว่างร่างรายละเอียดเนื้อหาและเหตุผลความจำเป็นของการออกมาตรา 44 ในโครงการรถไฟไทย-จีน เนื่องจากติดขัดข้อกฎหมายใน 5 ประเด็น คือ
1.กรณีวิศวกรของจีนที่ไม่สามารถเข้ามาทำงานในไทยได้ เพราะติดกฎหมายของไทยที่กำหนดให้วิศวกรต่างชาติต้องสอบใบอนุญาตตามกฎหมายไทย
2. เรื่องของพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฉบับใหม่ ที่ติดระเบียบเรื่องของโครงการที่มีมูลค่าเกิน 5,000 ล้านบาท ต้องผ่านการพิจารณาของซูเปอร์บอร์ดซึ่งต้องใช้ระยะเวลา ดังนั้น จึงจะมีการผ่อนปรนและยกเว้นเงื่อนไขนี้ให้
3.ปัญหาเรื่องการกำหนดราคากลางในโครงการของรัฐซ่ึงโครงการนี้เป็นเรื่องของการเจรจารัฐต่อรัฐที่ไม่มีราคากลาง จึงจะแก้ไขด้วยการเสนอให้ราคามาตรฐานเพื่อใช้อ้างอิงแทน
4. เรื่องการเจรจาจัดซื้อจัดจ้างระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลหรือจีทูจี โดยที่โครงการนี้เป็นโครงการระหว่างรัฐต่อรัฐ ฝ่ายไทยมีการรถแห่งประเทศไทยหรือ ร.ฟ.ท.เป็นผู้ดำเนินการ ขณะที่ฝ่ายจีนไมได้มอบหมายให้หน่วยงานใดเป็นตัวแทนโดยเฉพาะ จึงได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเจรจากับสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของจีน เพื่อกำหนดในสัญญาให้ชัดเจนว่า จะมอบหมายให้บริษัทจีนรายใดเป็นคู่สัญญา
และ 5.เส้นทางรถไฟไทย-จีน ในครั้งนี้ที่อาจมีปัญหาในเรื่องของพื้นที่ ส.ป.ก. ซึ่งกฎหมายกำหนดห้ามใช้พื้นที่เพื่อกิจการอื่น จึงจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาล่วงหน้าด้วยการใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 ไม่ให้เกิดปัญหาแบบโครงการอื่น ๆ ก่อนหน้า
ขณะที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่ากระทรวงคมนาคมได้รายงานปัญหาต่างๆ ที่ทำให้ยังไม่สามารถเร่งรัดการดำเนินโครงการได้ต่อนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี โดยจะรวบรวมเงื่อนไข ข้อบังคับที่ต้องเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจพิเศษตาม ม.44 ต่อไป
“กระทรวงคมนาคมได้รายงานปัญหาเหล่านี้ต่อนายวิษณุ เครืองาม มาตลอด ซึ่งทางนายวิษณุเองรับปากจะเป็นผู้พิจารณารายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการใช้ ม.44 ให้ด้วย โดยหลังจากนี้คงจะไปพิจารณาว่ามีขั้นตอนส่วนใดบ้างที่ต้องออกคำสั่งให้กระทรวงคมนาคมปฏิบัติ ส่วนจะประกาศได้เมื่อไหร่น้ันไม่สามารถบอกได้ เพราะขึ้นอยู่กับนายวิษณุ จะนำเสนอ คสช.เมื่อไหร่”