ค่ายรถใหญ่ “วอลโว่-ยูดี” พร้อมรับมือ Logistics 4.0

0
760

หลังเปิดตัวรถบรรทุกขนาดกลางเทพเจ้ากาลเวลา “ยูดี โครเนอร์” อย่างยิ่งใหญ่เมื่อต้นเดือนมี.ค.พร้อมขับเคลื่อนแบรนด์เข้าสู่ตลาดรถใหญ่หวังเป็นทางเลือกของผู้ประกอบการขนส่ง  ล่าสุด วอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถบรรทุกวอลโว่ และยูดี จัดกิจกรรมพบปะสื่อมวลชนเพื่ออัพเดทสถานการณ์ตลาดรถใหญ่หลังผ่าน 5 เดือนแรก พร้อมเปิดโอกาสให้พี่น้องสื่อมวลชนร่วมทดสอบรถบรรทุกยูดี โครเนอร์อีกด้วย ณ สนาม Speed way ปทุมธานี เมื่อ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ในโอกาสนี้ ดัมพ์แมนโชว์ ได้มีโอกาสร่วมพูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงจากวอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) และได้ถ่ายทอดบทสัมภาษณ์ผ่าน Logistics Time online ดังนี้

ชี้ ภาคขนส่งไทยต้องนำเทคโนโลยีพัฒนากิจการขนส่ง

ประเดิมจากคุณกำลาภ ศิริกิตติวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท วอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ได้ฉายภาพถึงการปรับตัวของภาคการขนส่งและโลจิสติกส์ไทยให้สอดรับกับนโยบาย“โมเดลประเทศไทย 4.0” หรือ Thailand 4.0” ของรัฐบาลว่า จากนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาลที่ต้องการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสร้างสรรค์เข้ามาเป็นแรงผลักดันและสนับสนุนภาคธุรกิจให้ยกระดับการผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ขณะที่ภาคธุรกิจขนส่งเองก็ ต้องปรับทัพให้เข้ากับยุค Logistics 4.0 ด้วยเช่นกัน โดยจะต้องนำเทคโนโลยีเข้ามายกระดับการให้บริการเพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่ม

“หลายปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการขนส่งไทยมีแนวโน้มที่จะนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อเสริมประสิทธิภาพการขนส่งให้ดียิ่งขึ้น และลดความสูญเสียในระหว่างการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งเทคโนโลยีหลัก ๆ ได้แก่ Connected GPS ระบบเชื่อมต่อเพื่อติดตามข้อมูลการขนส่งอย่างเรียลไทม์ ซึ่งต่อมายังมีการปรับใช้เทคโนโลยี Logistics Cloud เพื่อเก็บคลังข้อมูล และนำ Big data มาใช้วิเคราะห์วางแผนด้านการขนส่งซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาที่สะสมมานานในอุตสาหกรรม เช่น การขับออกนอกเส้นทาง การใช้ความเร็วเกินกำหนด หรือแม้กระทั่งการเบิกค่าน้ำมันเกินอัตรา”

วอลโว่ ติดตั้ง ไดน่าฟลีท”/ ยูดี ติดตั้ง “เทเลเมติกส์”

สำหรับพัฒนาเทคโนโลยีในส่วนของวอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถบรรทุกวอลโว่ ทรัคส์ และรถยูดี ทรัคส์นั้น คุณกำลาภ ระบุว่ารถวอลโว่ ทรัคส์ ได้พร้อมติดตั้งระบบไดน่าฟลีท (Dynafleet) เป็นระบบสื่อสารดาวเทียมเทคโนโลยี ที่จะติดตามตำแหน่งรถและเก็บข้อมูลพฤติกรรมการขับขี่ของพนักงานขับรถที่สามารถรายงานผลไปยังศูนย์บัญชาการ และยังช่วยในการวางแผนการรับบริการ เพื่อให้รถได้วิ่งบนท้องถนนได้อย่างยาวนานที่สุด อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีล้ำสมัยพร้อมให้เลือกติดตั้ง ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเปลี่ยนช่องทางเดินรถ ระบบการตรวจวัดแอลกอฮอล์ด้วยการเป่าก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัตเมื่อมีการติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ สัญญานกันขโมยปกป้องทั้งตัวรถและหาง ระบบเบรกฉุกเฉินและอื่นๆ

“ขณะที่รถยูดี ทรัคส์ มีการติดตั้งระบบเทเลเมติกส์ (Telematics) ช่วยตรวจสอบสถานะรถได้แบบเรียลไทม์และ มีเครื่องมือแจ้งเตือนด้านงานบริการ ตรวจสอบความผิดปกติของตัวรถผ่านระบบ สามารถให้ความช่วยเหลือในกรณีรถเสียได้อย่างรวดเร็วฉับไว ซึ่งจะนำไปสู่ผลประโยชน์ด้านค่าใช้จ่ายในระยะยาว ระบบเหล่านี้ ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วยการสร้างข้อมูลเชิงลึกเพื่อใช้วางแผนการขนส่งให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด นอกจากนี้จะช่วยให้พนักงานขับรถบรรทุกทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น และยังช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้อีกด้วย”

ตลาดรถใหญ่ครึ่งปีแรก “ยังทรงตัว”

นอกจากนี้ คุณกำลาภ ยังได้อัพเดทถึงตลาดรถใหญ่ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ว่ายังไม่เป็นไปตามคาด ตลาดหดตัวลงเล็กน้อยที่ 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ทั้งนี้เพราะมีหลายปัจจัยลบที่กระทบต่ออุตสาหกรรมรถบรรทุกไม่ว่าจะเป็นการลงทุนภาคเอกชนลดลง โดยเฉพาะการลงทุนในสิ่งก่อสร้างที่ลดลงถึง 4.5% และการลงทุนในเครื่องมือเครื่องจักรที่ลดลง 0.3% ในไตรมาสแรกของปี ผนวกกับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและการใช้จ่ายภาครัฐที่ชะลอตัวลง และยังมีมาตรการรัฐบาลปี 2559 ที่กระตุ้นกำลังซื้อรถบรรทุกไปด้วยมาตรการลดหย่อนภาษี 2 เท่าของมูลค่ารถยนต์ส่งผลให้ดึงกำลังซื้อไปล่วงหน้า เหล่านี้มีผลทำให้ตลาดมีแนวโน้มหดตัวเล็กน้อยในช่วงครึ่งปีแรก

“จากตัวเลขรถจดทะเบียน 5 เดือนแรก จะเห็นทิศทางตลาดทั้งปีเป็นไปในทางลบ ซึ่งอาจแสดงได้ว่าตลาดรถบรรทุกขนาดใหญ่ของประเทศไทยปีนี้น่าจะหดตัวลง 12% และรถบรรทุกขนาดกลางน่าจะหดตัว 9%  ณ สิ้นปี  ถึงกระนั้นก็ยังคงมีปัจจัยที่เอื้อต่อการเติบโตของตลาดในครึ่งปีหลังอยู่บ้าง ทั้งการประกาศขยายมาตรการลดหย่อนภาษี 1.5 เท่าของมูลค่าการลงทุนในยานพาหนะเพื่อการขนส่งจนถึงสิ้นปี การเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล การเร่งดำเนินโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือ Eastern Economics Corridor การส่งออกของปิโตรเลียมและเคมีภัณฑ์ที่มีอัตราการเติบโตสูงขึ้น รวมทั้งการปรับตัวดีขึ้นของภาคการเกษตรและการส่งออก หากปัจจัยเหล่านี้เป็นไปตามแผน อาจทำให้ได้เห็นการพลิกฟื้นของตลาดไตรมาสที่ 3 และ 4 ก็เป็นได้”

อย่างไรก็ดี คุณกำลาภ ได้เผยถึงยอดขายของวอลโว่ กรุ๊ป ในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ว่า ยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดขายทั้งหมด 445 คัน มาจากวอลโว่ ทรัคส์ 119 คันและยูดี ทรัคส์ 326 คัน ซึ่งในจำนวน 326 คันนี้มียอดขายของยูดีโครเนอร์ 30 คัน นอกนั้นเป็นยูดีเควสเตอร์ โดยมีส่วนแบ่งตลาดของทั้ง 2 แบรนด์ที่ 6% เหมือนปีก่อน ขณะที่ 5 ตลาดต่างประเทศที่วอลโว่ กรุ๊ปดูแลอยู่มียอดขายรวม 50 คัน โดยมีเพียงตลาดฟิลิปปินส์เท่านั้นที่มีอัตราการเติบโตได้ดี ส่วนอีก 4 ตลาด คือสปป.ลาว เมียนมา กัมพูชา และเวียดนาม ยังถือว่าทรงตัว

โหมจัดกิจกรรมครึ่งปีหลังหวังกระตุ้นยอดขาย

ด้านคุณวิลาวัลย์ วิศปาแพ้ว รองประธานฝ่ายการตลาดและสนับสนุนการขาย วอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงกิจกรรมกระตุ้นตลาดว่าเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายในครึ่งปีหลัง ทั้งวอลโว่ ทรัคส์ และ ยูดี ทรัคส์ ได้วางแผนโหมจัดกิจกรรมเต็บสูบ ซึ่งในส่วนของวอลโว่ทรัคส์เราก็ได้จัดการแข่งขันขับประหยัดน้ำมันวอลโว่ ทรัคส์ “ฟิววอท์ช ชาเลนจ์ 2017” เป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน ซึ่งล่าสุด ได้คัดเลือกจากจากผู้เข้าแข่งขันกว่า 260 คันจาก 5 สนามให้เหลือ 24 คนเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็จะเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักขับจากไทยทีกรุงเทพฯช่วงกลางเดือนก.ค.นี้

“นอกเหนือจากการแข่งขันประเภททางราบ(ON Road)แล้ว ไฮไลท์การแข่งขันปีนี้้จะมีทั้งประเภททางวิบาก(Off Road)เพิ่มเข้ามาด้วย โดยมีผู้เข้าร่วมแข่งขันจากกลุ่มประเทศ CLMV รวมถึงฟิลิปปินส์ที่เราดูแลเข้าร่วมแข่งข้นด้วย ซึ่งผู้ชนะทั้ง 2 ประเภทก็จะได้เป็นตัวแทนเข้าร่วมชิงชัยที่ประเทศสวีเดนช่วงเดือนก.ย.ที่จะถึงนี้ อีกไฮไลท์หนึ่งก็คือการแข่งขันปีนี้ก็เข้มข้นมากขึ้นกว่า 7 ปีที่ผ่านมา โดยจะเพิ่มน้ำหนักบรรทุกเต็ม 50.5 ตันตามกฎหมายกำหนด รวมถึงเพิ่มทักษะการหยุดและขับเป็นระยะ เพื่อให้ผู้เข้าแข่งขันใช้ทกษะสูงสุดในคำนวณเส้นทาง การออกตัวรถอย่างไรให้ประหยัดน้ำมันสูงสุด ดังนั้น คาดปีนี้ตัวแทนทั้ง 2 ประเภทก็มีโอกาสพิชิตชัยที่ประเทศสวีเดนได้ นอกจากนี้ เรายังมีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ของวอลโว่ทรัคส์ที่กำลังจะมีขึ้นเร็ว ๆ นี้”

“ส่วนของ ยูดี ทรัคส์ ในส่วนของรถยูดี เควสเตอร์จะมีการจัดกิจกรรมใหม่ป้ายแดงครั้งแรกกับการแข่งขัน UD Trucks Extra mile Challenge ภายใต้แนวคิด “Smart Truck Smart Drivers” เพื่อเฟ้นหานักขับไทยที่มีทักษะการขับขี่เป็นเลิศไปชิงแชมป์ต่อที่ประเทศญี่ปุ่น จะมีจัดขึ้นในประเทศไทยช่วงเดือนส.ค.นี้ ซึ่งจะไม่เน้นที่การประหยัดน้ำมันอย่างเดียว แต่จะเน้นที่ทักษะการขับรถบรรทุกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่และการถอยจอดในพื้นที่ที่กำหนด รวมถึงการใช้ฟิเจอร์ต่างๆภายในรถ นอกจากนี้ ในส่วนของยูดี ทรัคส์ ก็จะมีการจัดกิจกรรมยูดี โครเนอร์ คาราวาน ไปยังจุดจอด 10 หัวเมืองหลักทั่วประเทศ เพื่อนำโปรดักส์ให้ใกล้ชิดกับผู้ประกอบการขนส่งมากขึ้น เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ลองสัมผัสและทดลองขับด้วยตัวเอง”