“ส่วนตัวรู้สึกตื้นเต้น เมื่อได้ทำงานกับบริษัทระดับโลกอย่าง Google การทำธุรกิจก็ขยายธุรกิจเพื่อรองรับฐานลูกค้า”
ในห่วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุค Thailand 4.0 ซึ่งโมเดลพัฒนาเศรษฐกิจและนโยบายของรัฐบาล เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเดิมๆ ไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนบนฐานรากของเทคโนโลยี และนวัตกรรม (Value–Based Economy) เพื่อนำพาประเทศให้ก้าวผ่านกับดักรายได้ปานกลาง ความเหลื่อมล้ำ และความไม่สมดุล สู่ประเทศที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
ดังนั้น เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตจึงกลายเป็นช่องทางการขับเคลื่อนธุรกิจทั้งธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจขนาด SMEs ยิ่งไปกว่านั้น การทำเว็บไซต์เพื่อนำไปสู่การตลาดธุรกิจออนไลน์จึงได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ เช่นเดียวกับ บริษัท เรดดี้ แพลนเน็ต ซึ่งเป็นบริษัทธุรกิจบริการทำเว็บไซต์ ที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว บริษัทเรดดี้ ฯ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการทำเว็บไซต์ก่อกำเนิดขึ้นเป็นรายแรก ๆ ของประเทศ และค่อยๆพัฒนาไปสู่ความสำเร็จในยุดปัจจุบันยุด 4.0
ทรงยศ คันธมานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เรดดี้ แพลนเน็ต จำกัด เปิดเผยถึงที่มาของธุรกิจรับทำเว็บไซต์ว่า บริษัทก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2543 จากการมองทะลุอุปสรรคหาช่องทางสร้างธุรกิจได้ หลังจากนั้นประมาณ 1 ปีก็มีลูกค้าประมาณ 1 พันราย ด้วยการต่อยอดพํฒนาเว็บไซต์ จนกระทั่ง บริษัทขนาดใหญ่จากต่างประเทศ นั่นคือบริษัท Google สนใจและได้ส่งผู้บริหารมาคุยกับบริษัทเรดดี้ ฯ โดยผู้บริหารบริษัท Google บอกว่าอนาคตจะมีโฆษณาที่เป็นผลประโยนช์กับผู้ที่มีเว็บไซต์เป็นอย่างมาก เปรียบเทียบเหมือนกับการที่เรามีเรือและน้ำมันก็จับปลาได้มากขึ้น ดังนั้น จึงเป็นโอกาสดีที่เราทำงานร่วมกับบบริษัท Google ในปี 2009
“ ส่วนตัวรู้สึกตื้นเต้น เมื่อได้ทำงานกับบริษัทระดับโลกอย่าง Google การทำธุรกิจก็ขยายธุรกิจเพื่อรองรับฐานลูกค้า ปัจจุบันก็มีบริษัทพันธมิตรต่างๆ ประกอบด้วย บริษัท เฟชบุ้ค ,ไลน์ การทำเว็บไซต์ เพื่อประโยชน์ต่อธุรกิจ โดยฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจ SME สามารถขยายธุรกิจได้อย่างเต็มศักยภาพ อย่างไรก็ดี ปัจจุบันบริษัท เรดดี้ แพลนเน็ต มีธุรกิจหลักๆอยู่ 3 ธุรกิจ คือ 1 ธุรกิจบริการเว็บไซต์และโมบายเอส 2 ธุรกิจโฆษณาออนไลน์ และ3 ธุรกิจฝึกอบรม รูปแบบของบริษัทเรดดี้ฯ เป็นแบบ B to B บริษัทมีการพัฒนาไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ ยังมีกองทุนต่างประเทศร่วมลงทุนกับบริษัท ”
จุดแข็งเน้นทีม R and D สู่ความสำเร็จ
จุดที่ทำให้ธุรกิจบริษัทรับทำเว็บไซต์ประสบความสำเร็จทุกวันนี้ หัวใจสำคัญอยู่ที่การพัฒนาความสามารถของเว็บไซต์ ช่วงแรกๆ ของการทำเว็บไซต์เราออกแบบแค่แสดงข้อมูลสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังไม่สามารถรองรับระบบสั่งซื้อผ่านบัตรเครติดได้ เมื่ออินเทอร์เน็ตเริ่มแพร่หลาย ผู้บริโภคก็เริ่มใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น คนเริ่มบริโภคสื่อทางออนไลน์มากขึ้น ดังนั้น เราจึงปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลง จุดแข็งของแรดดี้แพลนเน็ตคือการที่มีทีม R & D เพื่อช่วยวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ของตนเอง จนรูปแบบ Standard template ให้เลือกมากกว่า 100 แบบ มี Mobile Application สำเร็จรูปตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ธุรกิจยุคใหม่ รวมทั้งจัดทำ Business Strategy (2 P Model) ที่ช่วยให้ SME เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการทำมาร์เก็ตติ้งผ่านแพลทฟอร์มโฆษณาออนไลน์ และโซเซียลมีเดียต่างๆ คิดค้นโปรแกรม GrandAdmin ที่เป็นระบบ CRM ช่วยบริหารจัดการฐานข้อมูลให้ลูกค้านำมาใช้วิเคราะห์ได้ในอนาคต
พร้อมกันนี้ ยังมีแอพพลิเคชั่น AdPro Mobile ที่ดาวน์โหลดรายงานและตรวจสอบผลจากการลงทุนโฆษณาได้ด้วยตัวเองเพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณที่ลูกค้ามีอยู่ รวมถึงมี Call center 24 ชั่วโมง รองรับบริการหลังการขาย โดยที่ผ่านมาบริษัทได้รับความไว้วางใจให้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ Google , Facebook , Baidu และ Alibaba และเคยได้รับรางวัลทางด้าน customer satisfaction จาก Google
“จากวิสัยทัศน์ที่มองการณ์ไกล รวมถึงการพยายามพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ ทำให้บริษัทได้รับรางวัล Bai Po Business Awards by Sasin ครั้งที่ 12 ในมิติ การบริหารจัดการด้านสินค้าและบริการที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า (Customer-Focused Product and Service) มิติองค์กรที่มีการสร้างสรรค์นวัตกรรม (Innovative Enterprise) และมิติการสร้างธุรกิจด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship)”
ปีนี้ตั้งเป้าปั๊มรายได้ 560 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ปัญหาในการทำธุรกิจยอมรับว่ามีเยอะมาก โดยเฉพาะ ในช่วงแรกๆ ประสบกับปัญหามากนั่นคือ แหล่งเงินทุน และขณะนี้ก็ยังบริษัทอื่นๆ ตั้งชื่อบริษัทคล้ายๆ กับบริษัทเรดดี้ฯ สิ่งที่ทำธุรกิจมากกว่า 10 ปี ยอมประสบกับปัญหาเป็นเรื่องธรรมดา ปัจจุบันมีกองทุนต่างประเทศร่วมลงทุน อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ปัญหายังแต่เชื่อว่าปัญหาก็ผ่านไปได้ สำหรับในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าจะมีรายได้เติบโตประมาณ 560 ล้านบาท หรือประมาณ 40% ของปีที่ผ่านมาซึ่งบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 400 ล้านบาท โดยผ่านกลยุทธ์การออกผลิตภัณฑ์ในการให้บริการรูปแบบใหม่ที่เรียกว่าโมบายแอพพลิเคชั่นสำเร็จรูปแบบพร้อมใช้สำหรับธุรกิจขนาดกลางจนถึงขนาดย่อย หรือเอสเอ็มอี ไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการสื่อสารกับลูกค้าหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจให้บริษัท
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ร่วมลงทุนกับบริษัทแห่งหนึ่งที่ทำการตลาดออนไลน์เกี่ยวกับธุรกิจทางด้านโรงแรมโดยเฉพาะ เพื่อให้บริการซอฟแวร์การทำตลาดองค์รวมให้กับธุรกิจโรงแรม เช่น การจองห้องพัก การนำเสนอโปรโมชั่น และการชำระบิล เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการขยายฐานลูกค้าของบริษัทให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นฐานลูกค้าที่ค่อนข้างใหญ่ จากการที่ไทยเป็นประเทศแห่งการท่องเที่ยว และมีรายได้หลักมาจากภาคส่วนดังกล่าวจำนวนมาก นอกเหนือจากการส่งออก บริษัทจึงมองเห็นโอกาสในการเข้าไปทำตลาด
ทั้งนี้ มองว่าตลาดทางด้านโฆษณาออนไลน์ รวมถึงตลาดทางด้านอีคอมเมิร์ซ และตลาดการทำธุรกิจผ่านทางอินเทอร์เน็ตในรูปแบบอื่นมีการเติบโตขึ้น โดยธุรกิจปัจจุบันตระหนักดีว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ดังนั้นจึงมีความพายามใช้นวัตกรรมมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตัวเอง หรือเรียกว่าดิจิตอลทางด้านต่างๆ ประเด็นดังกล่าวนี้จะช่วยส่งเสริมให้การบริการของบริการของบริษัท ซึ่งเป็นดิจิตอลอยู่แล้วเป็นที่น่าสนใจเพิ่มขึ้น โดยมูลค่าตลาดรวมทางด้านโฆษณาของไทยต่อปีอยู่ที่ประมาณ 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นตลาดออนไลน์ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ10% แต่ในอนาคตมูลค่าตลาดออนไลน์จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการปัจจุบันธุรกิจหันมาเพิ่มงบโฆษณาทางด้านออนไลน์มากขึ้น จากประสิทธิภาพที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างตรงจุด