จาก GPS …ถึงขนส่งข้ามแดนแลกรถ 500 คัน สะดุดตอกึก !

ขณะที่รัฐบาลกำลังป้ำผีลุกปลุกผีนั่งกับสารพัดมาตรการล้อมคอกความปลอดภัยทางถนน ไล่ดะตั้งแต่มาตรการที่ถูกสังคมเปรียบเปรยเป็นระดับชุมชนจนถึงระดับชาติ ที่ขนาดนายกฯลุงตู่ยังต้องงัด ม.44 หวังเป็นกฎหมายบังคับลดอุบัติเหตุบนท้องถนน อีกทั้งยังเป็นการพุ่งชนเป้าหมายหวังให้ไทยสลัดอาการอับอายชาวโลกกรณีติดอันดับ 2 คนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุดในโลกให้จงได้

0
261

ขณะที่รัฐบาลกำลังป้ำผีลุกปลุกผีนั่งกับสารพัดมาตรการล้อมคอกความปลอดภัยทางถนน ไล่ดะตั้งแต่มาตรการที่ถูกสังคมเปรียบเปรยเป็นระดับชุมชนจนถึงระดับชาติ ที่ขนาดนายกฯลุงตู่ยังต้องงัด ม.44 หวังเป็นกฎหมายบังคับลดอุบัติเหตุบนท้องถนน อีกทั้งยังเป็นการพุ่งชนเป้าหมายหวังให้ไทยสลัดอาการอับอายชาวโลกกรณีติดอันดับ 2 คนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุดในโลกให้จงได้  

การติดตั้ง GPS อีกหนึ่ง “มาตรการล้อมคอก” ที่ขนส่งออกข้อบังคับให้รถโดยสารสาธารณะทุกประเภทและรถตู้ (ยกเว้น รถสองแถว, รถหมวด 4 และรถหมวด 1 ภูมิภาค) รถลากจูง และรถบรรทุกขนาดใหญ่ (10 ล้อขึ้นไป) ที่จดทะเบียนใหม่ตั้งแต่ วันที่ 25 ม.ค.59 เป็นต้นไป “ต้องติดตั้ง GPS ทุกคัน”

ส่วนรถโดยสารสาธารณะที่ยังไม่ได้ติดตั้ง GPS แบ่งเป็นรถโดยสารสองชั้นกำหนดติดตั้งภายในรอบปีภาษี 2559 ส่วนรถโดยสารสาธารณะประเภทอื่นๆ จะต้องดำเนินการติดตั้งให้ครบถ้วนภายในรอบปีภาษี 2560 ส่วนรถลากจูงกำหนดติดตั้งภายในรอบปีภาษี 2560 รถบรรทุกสาธารณะภายในรอบปีภาษี 2561 และรถบรรทุกส่วนบุคคลให้ระยะเวลาดำเนินการให้ให้ระยะเวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในรอบปีภาษี 2562

วันก่อน มิสเตอร์ แอล.ที. ได้ปะหน้าท่านอดีตนายกสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย “เฮียวอ-วรวิทย์  เจริญวัฒนพันธุ์” อีกหนึ่ง “กูรู” สิงห์รถบรรทุกเมืองไทย ได้ฝากคำถามถึงเจ้ากระทรวงหูกวางอย่าง “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ”เกี่ยวกับมาตรการบังคับให้สิงห์รถบรรทุกทุกคันต้องติดตั้ง GPS ที่รัฐบาลป้ำผีลุกปลุกผีนั่งมาตั้งแต่ปีที่แล้ว

“ผมยอมรับว่าเป็นนโยบายที่ดี แต่หากเจาะลึกลงในภาคลงมือปฏิบัติแล้วผมยังมองว่าเป็นการมาตรการล้อมคอก เป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ(อีกแล้ว)ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ GPS ไม่ใช่ยาเทวดา  และGPS ไม่ใช่พระเจ้า แต่ไส้ในเต็มไปด้วยพระเจ้า  ตั้งแต่ขนส่งฯไล่บี้มาจนถึงวันนี้ประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน มีการประเมินหรือไม่ว่าหลังการติดตั้ง GPS แล้วสัดส่วนการเกิดอุบัติเหตุลดลงหรือไม่ ครบขวบปีมีรถบรรทุกติดตั้งต่ำกว่าเป้าจริงหรือไม่ กำหนดเส้นตายปี 62 จะสามารถติดตั้งครบทุกคันหรือไม่ รวมไปถึงความพร้อมของบุคลากรของขนส่งฯทั้งภาคสนามและภายในห้องคอนโทรลพร้อมแค่ไหน ความไม่ชอบมาพากลกรณีการออกใบอนุญาตผู้ประกอบการติดตั้งที่ยังด้อยคุณภาพและประสิทธิภาพ บางรายถึงขนาดปิดกิจการ วันดีคืนดีเดินเข้า-กรมบ่อยๆกลับมีชื่อติดโผผู้ได้รับการใบอนุญาตจากกรม(ซะงั้น)เรื่องนี้ผ่านเข้าหูท่านรมต.อาคมหรือไม่”

มิสเตอร์ แอล.ที. ก็ไม่ทราบเช่นกัน่ว่าครั้ันท่านรมว.กระทรวงหูกวางได้เห็นคำถามที่ฝากมากับสายลมและแสงแดดนี้แล้วคงหน้ามืดเพลางควานยาดมเป็นการด่วนหรือไม่ หรือจะเลือกตอบคำถามไหนก่อนดี เพราะรมต.อาคมก็น่าจะรู้อยู่เต็มกระดองใจว่ามาตรการนี้อุดมไปด้วย “สารพัดปัญหาสารพัดตอ” ยิ่งสาวลึกก็ยิ่งเจอตอใหญ่ๆทั้งนั้น อีกทั้งยังถูกสังคมครหาว่าเป็นนโยบาย “ไม้หลักปักเลน” อีกแล้วครับท่าน!

ขณะที่ความคืบหน้าโครงการแลกเปลี่ยนรถบรรทุกสินค้าข้ามแดน 500 คันภายใต้กรอบกรอบความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มแม่โขง (GMS) 6 ประเทศหลังถูกจุดพลุเข้ากระทรวงคมนาคมถึงมือ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ”พิจารณาเมื่อปีที่แล้ว และส่งเรื่องกลับมายังกรมขนส่งฯแล้วประกาศให้พี่น้องสิงห์รถบรรทุกลงชื่อสมัครกับโครงการนี้ และคาดว่าจะสามารถเปิดวิ่งได้ในช่วงต้นปี 2560

ล่าสุด มิสเตอร์แอล.ที. ได้เจอหน้าท่านประมุข 10 ล้ออาเซียน “เฮียยู เจียรยืนยงพงศ์” ในฐานะประธานสหพันธ์การขนส่งทางบรรทุกแห่งอาเซียน( ATF) คีย์แมนสำคัญในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ ก็เลยถือโอกาสเปิดประเด็นให้เฮียยูเผยถึงความคืบหน้า โดยเฮียยูเผยว่าโครงการนี้ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

“จากกรอบเวลาเดิมที่กำหนดไว้จะสามารถเริ่มต้นได้ในช่วงต้นปี 2560 แต่เพราะไม่สามารถปลดล็อคปัญหาและอุปสรรคที่รุมเร้ารอบทิศทางได้ ไม่ได้จะเป็น ข้อกฎหมายในแต่ละประเทศ รายละเอียดของเส้นทางการเดินรถ รวมถึงมาตรฐานของประเทศต่างๆ ทั้งผู้ขับรถ และรูปแบบรถที่มีบริบทแตกต่างกัน จึงเป็นชนวนเหตุให้โครงการดังกล่าวสะดุด”

ถึงกระนั้น ประมุข 10 ล้ออาเซียนก็ยังเผยอีกว่าทาง ATF ก็ยังไม่ละความพยายามปรึกษาหารือกับภาคเอกชนในแต่ละประเทศ พร้อมทั้งเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาไปก่อน นั่นก็คือการให้ใช้หัวลากเดิมของประเทศนั้นๆไปก่อน โดยจะแลกเพียงแค่หางเท่านั้น เพื่อไม่ให้สูญเสียโอกาสทางด้านการขนส่งที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ดีและก่อให้เกิดความคล่องตัวในการขนส่งสินค้าข้ามแดน โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาการเปลี่ยนถ่ายสินค้าที่ด่านฯ หรือแม้กระทั่งพิธีศุลกากรที่ยังประสบปัญหา “ล่าช้า” หากโครงการนี้ผ่านฉลุยด้วยย่อมส่งผลดีต่อการค้าชายแดนแน่นอน แต่นั่นก็ต้องฝากความหวังไปที่กระทรวงฯโดยกรมขนส่งฯให้รีบเร่งดำเนินการ”

มิสเตอร์แอล.ที. ลองสแกนถึงความเป็นไปได้ของโครงการนี้ “โคตรยาก”เลยพระเดชพระคุณท่าน อย่าลืมว่าแม้ประตูเออีซีจะเปิดอ้าซ่าพลางโบกมือหย่อยๆให้การค้าการลงทุนไร้รอยต่อไร้พรมแดน แต่ทุกประเทศย่อมทำตัว “จงอางหวงไข่”อยู่ดี คงไม่ปล่อยใครต่อใครมาฉกเอาไปกินได้ง่ายๆแน่ การที่จะปล่อยให้รถบรรทุกสินค้าผ่านประเทศตัวเอง “เปล่าๆปลี้”โดยที่เจ้าของประเทศเจ้าของถนนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย มิหนำซ้ำยังถือว่าเป็นการเข้าไปแย่งงานขนส่งในประเทศนั้นๆอีกด้วย

แม้ประเทศไทยเองก็ย่อมรู้แก่ใจดี เฉพาะผู้ประกอบการขนส่งรถบรรทุกสินค้าในไทยก็จะ “อดตาย”กันอยู่แล้ว รายใหญ่ๆก็พอวัดพอเหวี่ยงมีงานวิ่งประคองตัวเองได้ไม่ยากเย็นนัก แต่ไอ้รายย่อยนี่สิลำบาก รถที่มีก็จอดเรียงแถวเป็นระเบียบเรียบร้อยให้เปลวแดดเลียเล่นไปวันๆ หรือที่มีวิ่งอยู่ก็เป็นแค่งานซับที่ยักษ์ใหญ่ขนส่งต่างชาติเขาเจียดงานมาให้เท่านั้น ไอ้การที่จะไปสู้รบปรบมือกับทุนหนาต่างชาติก็เลิกคิดไปเหอะ

“ผู้ขนส่งไทยมีแค่ “ถึก”อย่างเดียว ส่วนเรื่องของลีลาชั้นเชิง เทคนิค เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์การกีฬา เหมารวมไปถึงเชิงมวยนอกตำรา ยักษ์ใหญ่ข้ามชาติชิงความเปรียบ และคาบเอาไปรับประเทศซะหมดเกลี้ยง สิงห์รถบรรทุกเมืองไทยจำเป็นต้องยกเครื่องกันขนาดใหญ่ มิเช่นนั้นจะ “ตายยังเขียด”กันหมดเล้า และที่สำคัญจะถูกยักษ์ใหญ่ข้ามชาติกลืนกินทั้งประเทศ อีกอย่างภาครัฐต้องสนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาผู้ประกอบการขนส่งไทยให้มากกว่านี้”

ดูไปดูมาแล้ว ปมแลกรถ 500 คันนี้ที่กรมฯป่าวประกาศให้ผู้ประกอบการขนส่งไทยลงชื่อลงเสียงพลางให้ความหวังกันยกใหญ่กับประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับความร่วมมือครั้งนี้ แต่ที่ไหนได้จนแล้วจนรอดก็ไร้ซึ่งความชัดเจนใดๆ สิงห์รถบรรทุกที่ลงชื่อไปก็ได้หาวเรอรอไปพลางตั้งคำถามเป็นภาษามอนตราเนโกรสำเนียงอิสานบ้านเฮาว่า “เป็นหยังน้อ คือมิดซีลีจังซี่” แปลเป็นไทยด้วยสำนวนและความหมายสุดจะสวยหรูและไพเราะยิ่งนักว่า “เงียบเป็นเป่าสาก”

ก็จะไม่เงียบได้ไงล่ะเมื่อเรื่องนี้ถูก “พี่หนิด-สนิท พรหมวงษ์”ท่านอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กำแน่นสนิทจนมิดง่ามนิ้ว ถึงขณะนี้ก็ยังไร้เสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก หากประมุข 10 ล้ออาเซียน “ยู” และพี่น้องสิงห์รถบรรทุกอยากเข้าไปสอบถามความคืบหน้า แนะนำให้เหมารถตู้ไปถามที่กรมฯได้เลย

….หรือไม่จริงครับ “พี่หนิด” ของกระผม?!