เคทีซีประเดิมกำไรสุทธิ 3 เดือนแรก 733 ล้านบาท เติบโต 15% ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตร และยอดลูกหนี้รวมเติบโตในอัตราที่สูงกว่าอุตสาหกรรม ส่วนลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) รวมของบริษัทฯ อยู่ที่ 1.65% จำนวนร้านค้ารับบัตรขยายตัวเพิ่ม 18.5% เดินหน้าขยายพันธมิตรกับกลุ่มธุรกิจที่กำลังเติบโตตามกระแส หรือมีศักยภาพตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของสมาชิก เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทุกฝ่าย ควบคู่ไปกับการสร้างรายได้จากธุรกิจหลักและควบคุมดูแลคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ให้มีประสิทธิภาพ
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปี2560 ว่าเป็นที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในประเทศเริ่มส่งสัญญาณเป็นบวก จากการลงทุนของภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้นตามสภาวะการฟื้นตัวของการส่งออก และการใช้จ่ายภาครัฐผ่านการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ สำหรับผลการดำเนินงานของเคทีซียังขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยสามารถทำกำไรสุทธิในไตรมาสแรกของปีนี้เติบโต 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 733 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากรายได้หลักในธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลเพิ่มขึ้น จำนวนหนี้สูญได้รับคืนมากขึ้น และมีการควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารงานให้เพิ่มขึ้นในลักษณะชะลอตัว โดยสัดส่วนของลูกหนี้บัตรเครดิตเทียบกับอุตสาหกรรมอยู่ที่ 13.0% ส่วนแบ่งตลาดในด้านปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรในไตรมาสแรกเติบโตที่ 11.2% และมีสัดส่วนลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเทียบกับอุตสาหกรรมเท่ากับ 6.7%
“ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมเท่ากับ 65,450 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าโดยสินทรัพย์ที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัทฯ อยู่ในรูปของลูกหนี้การค้าสุทธิ คิดเป็น 92% ของสินทรัพย์รวม โดยพอร์ตลูกหนี้การค้ารวมสุทธิเมื่อหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญแล้วเท่ากับ 60,474 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสเดียวกันของปี 2559 ฐานสมาชิกรวม 2.9 ล้านบัญชี เติบโต 7.7% แบ่งเป็น บัตรเครดิต 2,133,994 บัตร(ขยายตัว 7%) ยอดลูกหนี้บัตรเครดิตสุทธิ 40,035 ล้านบาท สินเชื่อบุคคล 834,336 บัญชี (ขยายตัว 9.7%) ยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลสุทธิ 20,286 ล้านบาท ในขณะที่ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีมีอัตราเติบโต 8% สูงกว่าอัตราเติบโตของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 3.9%”
นอกจากนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร“เคทีซี” ระบุด้วยว่าสำหรับลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รวม (NPL) อยู่ที่ 1.65% (สิ้นปี 2559 เท่ากับ 1.66% ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 2%) โดย NPL บัตรเครดิตลดเหลือ 1.26% จาก 1.35% (อุตสาหกรรมอยู่ที่ 3%) และ NPL สินเชื่อบุคคลลดเหลือ 0.89% จาก 1.01% (อุตสาหกรรมอยู่ที่ 3.0%) โดยสัดส่วนค่าเผื่อ–หนี้สงสัยจะสูญต่อ NPL ยังคงมูลค่าสูงที่ 500% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ 423%
“ไตรมาสแรกของปี 2560 เคทีซีมีอัตราเติบโตของรายได้รวมสูงกว่าค่าใช้จ่าย จากการเพิ่มฐานสมาชิกและมูลค่ายอดลูกหนี้ที่สูงขึ้น โดยสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้น 12% เท่ากับ 4,633 ล้านบาท และมีการควบคุมค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 3,718 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% ซึ่งประกอบด้วยค่าใช้จ่ายการบริหารงาน ค่าใช้จ่ายทางการเงิน หนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญจากการตัดหนี้สูญและการตั้งสำรองเพิ่มตามการขยายตัวของพอร์ตลูกหนี้ โดยค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิ(Operating Cost to Income Ratio) เท่ากับ 27.2% ลดลงจาก 28.9% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการควบคุมสัดส่วนค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
อย่างไรก็ดี นายระเฑียร กล่าวปิดท้ายว่าช่วง 3 เดือนแรกของปี 2560 บริษัทฯ มีวงเงินสินเชื่อคงเหลือ (Available Credit Line) ทั้งสิ้น 26,640 ล้านบาท เป็นวงเงินของธนาคารกรุงไทย 18,030ล้านบาท และจากธนาคารพาณิชย์อื่นๆ 8,610 ล้านบาท โดยมีต้นทุนการเงินไตรมาสแรกนี้เท่ากับ 3.21% (สิ้นปี 2559 เท่ากับ 3.08%) ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2559 ที่มีค่า 3.46% บริษัทฯ มีอัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 4.92 เท่า ซึ่งต่ำกว่าภาระผูกพันที่กำหนดไว้ที่ 10 เท่า
“ในปี 2560 เคทีซีตั้งเป้าหมายการทำกำไรและยอดลูกหนี้ธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลเติบโตที่ 10% ในขณะที่ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตคาดว่าจะเติบโต 15% โดยจะควบคุมสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมทั้งมุ่งขยายจำนวนพันธมิตรร้านค้ารับบัตรและการติดตั้งเครื่องรูดบัตรให้มากขึ้นกับธุรกิจประเภทใหม่ๆ ตลอดจนนำเสนอบริการ “เคทีซี เพย์” (KTC Pay) ตอบสนองการทำธุรกรรมอีคอมเมิร์ซและเอ็มคอมเมิร์ซ และการขยายกรอบแนวคิดการทำตลาดรูปแบบใหม่ที่เน้นการใช้ออนไลน์”