ครม.ไฟเขียวงบ 5,898 ล้านบาทหนุนรถเมล์รถไฟฟรีต่อไปอีก ประชาชนทั่วไปยังขึ้นรถเมล์รถไฟฟรีได้ตามปกติ จนกว่าจะมีบัตรสมาร์ทการ์ดให้สิทธิ์เฉพาะคนจนในวันที่ 1 ต.ค.2560 นี้
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบกรอบวงเงินสนับสนุนบริการสาธารณะ(รถเมล์ รถไฟฟรี)ประจำปีงบประมาณ 2561 วงเงินรวม 5,898 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามมติของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประกอบด้วยองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)วงเงิน 2,320 ล้านบาท ที่เป็นการให้บริการรถโดยสารธรรมดาจากวงเงินที่เสนอขอมา 3,324 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของการให้บริการรถโดยสารปรับอากาศที่ขสมก.เสนอขอมาวงเงิน 2,649 ล้านบาทนั้น ไม่ได้รับการพิจารณาเนื่องจากไม่สอดคล้องกับนโยบายการอุดหนุนการให้บริการสาธารณะที่ต้องการดูแลประชาชนเรื่องความจำเป็นในการเดินทางเพื่อใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เพื่อความสบายขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง และการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)ได้รับอนุมัติวงเงิน 3,578 ล้านบาท จากวงเงินที่เสนอขอมา 6,825 ล้านบาท
“ส่วนการปรับลดวงเงินการอุดหนุนลงจากที่ขสมก.และรฟท.เสนอมานั้น เป็นผลจากราคาน้ำมันที่ขสมก.และรฟท.นำมาคำนวนซึ่งอยู่ที่ 30 บาทต่อลิตร ไม่ตรงกับราคาที่สำนักงบประมาณนำมาคำนวณ คือ 23.13 บาทต่อลิตร จึงต้องปรับยอดเงินลงมาโดย อีกส่วนที่ปรับลดคือ มีการนำเงินไปใช้ในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับค่าบริการโดยตรง ถึงกระนั้น การอนุมัติงบประมาณครั้งนี้เป็นผลให้ต่ออายุมาตรการรถเมล์รถไฟฟรีออกไปหลังจากที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยประชาชนทั่วไปยังสามารถขึ้นรถโดยเมล์รถไฟฟรี จนกว่าจะมีการออกบัตรที่กำหนดสิทธิ์ให้เป็นการเฉพาะบุคคลสำหรับผู้มีรายได้น้อยซึ่งคาดจะเริ่มใช้ในวันที่ 1 ต.ค.2560 เป็นต้นไป”
อย่างไรก็ตาม โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุอีกว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการเพิ่มเติม ขอให้ขสมก.และรฟท.ไปเร่งดำเนินการจัดทำต้นทุนมาตรฐานเรื่องค่าโดยสารและการให้บริการ เพื่อนำข้อมูลมาประเมินผลและกำหนดเป็นค่าโดยสารที่เหมาะสมอย่างจริงจัง ขณะเดียวกันรัฐบาลมีแนวทางที่จะสนับสนุนบริการสาธารณะให้ตรงตัวกับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริง ซึ่งจะใช้ฐานข้อมูลจากการลงทะเบียนคนจน โดยจะมีบัตรสมาร์ทการ์ดแสดงผลว่าจะเสียค่าโดยสารเท่าใด ถ้าเป็นผู้มีรายได้น้อยขึ้นรถฟรี ถ้าอยู่ในเกณฑ์ปานกลางอาจจะเสีย 20% หรืออยู่ในเกณฑ์ไม่เดือดร้อนก็จ่ายในราคาปกติ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในช่วงการลงทะเบียน และจะหมดเขตในวันที่ 15 พ.ค.นี้