เข้าสู่โค้งสุดท้ายเต็มเลนสำหรับวงล้อตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่เมืองไทยปี 2567 ท่ามกลางความท้าทายทางด้านเศรษฐกิจไทยที่หลับลึกมาตั้งแต่ต้นปี ส่งแรงเหวี่ยงกระทบยอดขายรถใหญ่ทุกค่ายทุกสายพันธุ์ที่ไต่ระดับลดลงกันถ้วนหน้า บางค่ายลดฮวบฮาบอย่างมีนัยสำคัญ
ไม่รอช้าไปจับชีพจรวงล้อตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่เมืองไทยหลังเปิดฟลอร์เซิ้งกลยุทธ์การตลาดปี 67ผ่านมา 10 เดือน(ม.ค.-ต.ค.)จากสถิติยอดขายรวมรวบรวมโดย บริษัท บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด พบว่ายอดขายรวมอยู่ที่ 16,130 คันปรับตัวลดลงถึง 35.64 % เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ 25,063คัน
ณ ที่นี้ขอหยิบยกสาธกย่อยในไลน์อัพท็อปโฟว์ฝั่งเวทีญี่ปุ่น โดยเริ่มจากมหาอำนาจยานยนต์จากแดนซามูไรอย่าง“ค่ายอีซูซุ”ที่แม้จะโชว์พลังความดุดันไต่หลังถนนสมฉายา “King of Trucks”ตุนยอดขายได้ 9,345 คัน(เฉพาะเดือนต.ค.อยู่ที่ 888 คัน) ถึงกระนั้นก็ยังถือว่าปรับตัวลดลง 30% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้วที่ 13,373คัน
ส่วนพี่รองคู่ปรับตลอดกาลของค่ายอีซูซุอย่าง“ค่ายฮีโน่”ที่แต่ละปีไล่บี้ไล่เบียดกับพี่เบิ้มอีซูซุได้สนุกสมศักดิ์ศรีมวยคู่เอกเวทีแดนปลาดิบก็ตาม ทว่า ปี 2567 นี้ดูเหมือนค่ายปีกนกจะอ่อนแรงช็อคสาวกฮีโน่ชนิดผิดฟอร์มรถเสี่ยในตำนาน พิสูจน์ทราบจากยอดขายรวมหลังผ่าน 10 เดือนแรกเก็บเกี่ยวยอดขายได้ 3,798คัน(เฉพาะเดือนต.ค.อยูที่ 3,672คัน)ปรับตัวลดลงถึง 55% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ 8,540คัน
ขณะที่เบอร์ 3 อย่าง“ค่ายยูดี ทรัคส์”หลังปีที่ผ่านมาโชว์ผลงานยอดขายนิวไฮทุกสถิติในรอบ 5 ปีแล้ว ครั้นปีนี้ผ่านมา 10 เดือนแรกสอยมาได้ 1,009คัน(เฉพาะเดือนต.ค.อยู่ที่ 88 คัน) ปรับตัวลดลงที่ 8% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ 1,100คัน
ฟากค่ายชบาแดงฟูโซ่ที่ถูกมองว่ายังโชว์ผลงานไม่เข้าตากรรมการนับตั้งแต่ Move on จากดิสทริบิวเตอร์แดนลอดช่องสิงคโปร์แล้วมาซุกใต้ปีกบริษัทแม่สายตรงจากเมืองเบียร์ที่หมายมั่นปั้นเองกับมือ ผลงานปีนี้หลังผ่านพ้น 10 เดือนแรกเก็บเล็กผสมน้อยได้ 1,207คัน(เฉพาะเดือนต.ค.อยู่ที่ 22 คัน)ปรับตัวลดลง 31% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ 300 คัน
อย่างที่จั่วหัวเอาไว้เพราะพิษเศรษฐกิจดีดแรงเหวี่ยงกระทบวงล้อตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่จนระบบเครื่องยนต์ออกอาการอืดไม่สามารถรีดพลังการขับเคลี่อนได้เต็มประสิทธิภาพ สะท้อนชัดจากยอดขายรวมทรุดลดลง 35.64% เป็นปรากฎการณ์ปรับตัวต่ำสุดในรอบ 15 ปี ขณะที่ยอดขายปลีกย่อยแต่ละค่ายก็ปรับตัวลดลงเป็นลูกโซ่ บางค่ายออกอาการน่าเป็นห่วงต้องพึ่งพาการ“ถอนตอ”
ฟากฝั่งค่ายยูดี ทรัคส์ อีกหนึ่งรถบรรทุกพันธุ์แกร่งจากแดนปลาดิบในเมืองไทยหลังห้วงปี 2566 ที่ผ่านมาได้สาวพวงมาลัยพลางกดเกียร์กึ่งอัตโนมัติ Escot โชว์ผลงานได้ดีต่อเนื่อง ด้วยสถิติยอดจดทะเบียนรวมทั้งปีทะลุถึง 1,410 คัน ถือเป็นตัวเลขการเติบโตเพิ่มถึง 47% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และเติบโตทุบสถิติในรอบ 5 ปีหลัง พร้อมยึดเบอร์ 3 ตลาดรถใหญ่เมืองไทยอีกปี
จนเป็นที่น่าจับตาว่าปี 2567 ค่ายยูดี ทรัคส์จะสามารถรักษาระดับความร้อนแรงพลางขับเคลื่อนธุรกิจไปได้ดีกว่าได้ไกลกว่าในแง่ยอดขายหรือไม่?อย่างไร?
ทว่า วงล้อธุรกิจปี 2567ที่หมุนรอบเกือบครบขวบปีกับยอดขาย 10 เดือนแรกที่สะสมได้ 1,009 คัน ปรับตัวลดลงที่ 8% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ 1,100 คัน เมื่อเทียบปัจจัยแวดล้อมและลมหายใจเชิงการแข่งขันกับค่ายอื่นๆในสมรภูมิรถใหญ่เมืองไทยโดยรวมแล้ว ถือว่าฟอร์มยังดีควบเกียร์ Escot พิสูจน์ความท้าทายกับการฝ่าวงล้อมพิษเศรษฐกิจ-ตลาดหดตัวได้ดี พร้อมไต่ระดับดันความนิยมของลูกค้าคนไทยในแบรนด์ภายใต้สโลแกนที่ว่า“ยูดี ทรัคส์ ให้คุณไปได้ไกลกว่า” หรือ Drive for better ได้ดีต่อเนื่อง
เพราะอาศัยต้นทุนที่มีดีจาก“ผลิตภัณฑ์ดี ข้อเสนอดี และบริการดี”เป็นพลังบวกดันยอดขายในโค้งสุดท้ายปลายปี คาดยอดขายที่เหลืออีก 2 เดือน(พ.ย.-ธ.ค.)ของค่ายยูดี ทรัคส์ แม้จะไม่เทียบเท่าหรือเข้าใกล้กับผลงานนิวไฮเมื่อปี 2566 แต่ก็ใช่ว่าจะห่างไกลมากนัก
เพราะศักยภาพ…ยังมีแรงดีพอที่จะยึดเบอร์ 3 ตลาดรถใหญ่ไว้เหนียวหนึบอีกปี!!!
:จิ้งเหลนอัคนี