ทล.เร่งพัฒนาโครงข่ายคมนาคม ขยาย ทล.340 บางบัวทอง – สุพรรณบุรี เป็น 6 เลน

0
25

กรมทางหลวง(ทล.)เร่งพัฒนาโครงข่ายคมนาคม ขยาย ทล.340 สายบางบัวทอง – สุพรรณบุรี เป็น 6 ช่องจราจร เพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางสู่ภาคเหนือ เน้นแผนจัดการจราจร คล่องตัว และปลอดภัย

นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กรมทางหลวง (ทล.) มุ่งมั่นพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งของxระเทศให้มีประสิทธิภาพ เร่งดำเนินโครงการก่อสร้าง ทล.340 สายบ้านสาลี – สุพรรณบุรี เพื่อยกระดับเส้นทางสายหลักเชื่อมโยงระหว่างภาค เพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยเฉพาะการเดินทางสู่ภาคเหนือ ซึ่งมี ทล.340 สายบางบัวทอง – สุพรรณบุรี เป็นเส้นทางหลักที่ประชาชนนิยมใช้เดินทางจากกรุงเทพฯ ผ่านสุพรรณบุรี ชัยนาท มุ่งสู่ภาคเหนือหลายจังหวัด เส้นทางดังกล่าวมีการใช้งานมานานกว่า 30 ปี และได้รับการบูรณะปรับปรุงมาโดยตลอด แต่เนื่องจากปัจจุบันปริมาณการจราจรเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมทำให้เกิดความชำรุดเสียหายหลายแห่ง สำนักก่อสร้างทางที่ 1 จึงได้ดำเนินโครงการก่อสร้าง ทล.340 สายบ้านสาลี – สุพรรณบุรี ระหว่าง กม. ที่ 48+841 – 65+600 ระยะทาง 16.459 กิโลเมตร พื้นที่อำเภอบางปลาม้า และอำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 2 ตอน ได้แก่ 1) โครงการก่อสร้าง ทล.340 สายบ้านสาลี – สุพรรณบุรี ตอน 1 ระหว่าง กม. ที่ 48+841 – 57+250 ระยะทาง 8.409 กิโลเมตร ดำเนินการก่อสร้างโดย บริษัท เอส.เค.วาย. คอนสตรัคชั่น จำกัด เริ่มต้นสัญญาวันที่ 13 กันยายน 2567 และสิ้นสุดสัญญาวันที่ 28 สิงหาคม 2570 ระยะเวลาก่อสร้าง 1,080 วัน งบประมาณ 686,761,000 บาท 2) โครงการก่อสร้าง ทล.340 สายบ้านสาลี – สุพรรณบุรี ตอน 2 ระหว่าง กม. ที่ 57+250 – 65+600 ระยะทาง 8.350 กิโลเมตร ดำเนินการก่อสร้างโดย กิจการร่วมค้า ซีทีทีพีดี เริ่มต้นสัญญาวันที่ 18 กันยายน 2567 และสิ้นสุดสัญญาวันที่ 2 กันยายน 2570 ระยะเวลาก่อสร้าง 1,080 วัน งบประมาณ 689,596,000 บาท เพื่อยกระดับมาตรฐานทางหลวงเป็นชั้นพิเศษ โดยก่อสร้างขยายช่องจราจรจากเดิม 4 ช่องจราจร เป็น 6 ช่องจราจร (ไป – กลับ) ความกว้างช่องจราจรละ 3.50 เมตร พร้อมไหล่ทางด้านนอกกว้าง 2.50 เมตร ไหล่ทางด้านในกว้าง 1.50 เมตร แบ่งทิศทางการจราจรด้วยเกาะกลางแบบกดเป็นร่อง (DEPRESSED MEDIAN) ผิวทางคอนกรีตหนา 35 เซนติเมตร ก่อสร้างสะพาน8อนกรีตเสริมเหล็ก จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ กม.ที่ 52+972 ความยาว 300 เมตร กม. ที่ 54+550 ความยาว 100 เมตร และ กม. ที่ 57+633 ความยาว 296 เมตร พร้อมติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างและไฟกระพริบบนทางหลวงตลอดเส้นทาง

อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการดำเนินการโครงการมีความจำเป็นจะต้องปิดการจราจรทีละฝั่งเป็นช่วง ๆ แล้วเบี่ยงการจราจรให้ไปวิ่งสวนทางกันอีกฝั่งหนึ่ง แม้ว่าจะยังสามารถเดินทางสัญจรบน ทล.340 ได้ตามปกติ แต่คาดว่าจะมีปัญหาการจราจรติดขัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันหยุด ดังนั้น เพื่อลดผลกระทบการจราจรระหว่างการก่อสร้างจึงได้มอบหมายให้ผู้รับผิดชอบโครงการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้นำชุมชน เพื่อกำหนดเส้นทางเลี่ยง และวางแผนประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ ให้ประชาชนรับทราบข้อมูล และวางแผนการเดินทางล่วงหน้า เมื่อโครงการฯ แล้วเสร็จจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายทางหลวง รองรับปริมาณการจราจรที่เพิ่มสูงขึ้น ลดปัญหาการจราจรติดขัด ยกระดับความปลอดภัยในการเดินทาง และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าการลงทุนในพื้นที่ สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงคมนาคมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ทั้งนี้ ทล. จะประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง และจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการเดินทางพร้อมให้บริการข้อมูล ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สำนักงานทางหลวงที่ 12 แขวงทางหลวงสุพรรณบุรีที่ 1 หมวดทางหลวงในพื้นที่ และสายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง)