บางจากฯเผยวิสัยทัศน์ฯเพื่อการเติบโตยั่งยืน มุ่งสู่เป้า EBITDA 100,000 ล้านบาทในปี 2573

0
11

บางจากฯเผยความสำเร็จครึ่งปีแรก 2567 ครบรอบ 40 ปีของบริษัทฯ ก้าวสู่ทศวรรษที่ 5 และเป็นปีแห่งการสร้าง Synergy ปรับตัวและเติบโต ขับเคลื่อนด้วยวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจน สอดประสานความเป็นเลิศภายในกลุ่ม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง พร้อมวินัยทางการเงินก้าวสู่เป้าหมาย EBITDA 100,000 ล้านบาทในปี 2573 รักษาความเป็นผู้นำด้านพลังงานของไทย ขณะที่ขยายธุรกิจไปสู่ตลาดโลกมากขึ้น สร้างรากฐานอันมั่นคง สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกลุ่มบางจาก เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรก 2567 กลุ่มบางจากฯ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการปรับตัวท่ามกลางสภาวะตลาดที่ท้าทาย ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ทำให้กลุ่มบางจากฯ สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

โลโก้ “ใบไม้ใหม่” สะท้อนภาพลักษณ์ผู้นำด้านพลังงานที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของประเทศ ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าและสังคม ส่งผลให้ปริมาณการขายที่สถานีบริการเพิ่มขึ้นอย่างมาก ตอกย้ำความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์บางจากและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่บางจากยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องในด้านการให้บริการ ในปี 2568 บางจากจะเริ่มดำเนินการผลิตเชื้อเพลิงการบินยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญต่อทั้งบริษัทฯ และประเทศชาติ สร้างความยั่งยืนให้กับบางจากและสังคมโดยรวมในฐานะทางเลือกที่ยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรมการบิน นอกจากนี้ กลุ่มบางจากยังมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านการพัฒนาเชื้อเพลิงที่ยั่งยืน จึงจะเดินหน้ากลยุทธ์ภายใต้แนวคิด Bangchak 100x เพื่อบรรลุเป้าหมาย EBITDA 1 แสนล้านบาท และเติบโตเป็นองค์กรที่ยั่งยืน 100 ปีเคียงคู่กับสังคมไทย

บริษัทบางจากยังคงมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการเติบโตโดยการสร้างสมดุลระหว่างความมั่นคงด้านพลังงาน ความสามารถในการซื้อพลังงาน และความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 แผนการขยายธุรกิจที่สำคัญ ได้แก่:

ธุรกิจโรงกลั่นและค้าน้ำมัน และธุรกิจเกี่ยวเนื่องเน้นสร้างประโยชน์ร่วมกันระหว่างโรงกลั่นชั้นนำระดับโลก 2 แห่ง คือ โรงกลั่นพระโขนง และโรงกลั่นศรีราชา โดยตั้งเป้าผลิตน้ำมันดิบให้ได้ 280,000 บาร์เรลต่อวัน ในปี 2568 จากกำลังการผลิตรวม 294,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการดำเนินงาน เพื่อเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นจากการกลั่น (GRM) นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด รวมถึงขยายการผลิตผลิตภัณฑ์พิเศษที่มีมูลค่าสูง เช่น น้ำมันดิบที่ยังไม่ผ่านกระบวนการแปรรูป และสารละลาย นอกจากนี้ ในปี 2568 บางจากฯ จะเป็นผู้นำการผลิตน้ำมันปาล์มดิบด้วยกำลังการผลิต 7,000 บาร์เรลต่อวัน โดยจัดหาวัตถุดิบผ่านพันธมิตรในการซื้อน้ำมันผ่านโครงการ “Fry to Fly” ทั่วประเทศ SAF เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงการบินทั่วไป และความต้องการที่เพิ่มขึ้นทำให้กลุ่มบางจากเป็นผู้นำในตลาดโรงกลั่นผลิตภัณฑ์เฉพาะ มุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและความยั่งยืน

ความเป็นเลิศในธุรกิจการตลาดบริษัทฯ มีแผนขยายฐานธุรกิจและเสริมความแข็งแกร่งด้านตำแหน่งภายใต้แนวคิด Greenovative Destination” โดยขยายจำนวนสถานีบริการน้ำมันให้ได้มากกว่า 2,400 แห่งภายในปี 2573 และครองส่วนแบ่งทางการตลาด 33% โดยเน้นเจาะตลาดที่มีความต้องการสูง สำหรับภาคค้าปลีก บริษัทฯ มีแผนขยายธุรกิจไปยังตลาดเชิงพาณิชย์ในกัมพูชา ลาว และเวียดนาม ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ และเสริมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์บางจากผ่านโครงการต่างๆ เช่น ร้านกาแฟอินทนิล และสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรมสีเขียว : กลุ่มบางจาก เดินหน้าขยายธุรกิจพลังงานสีเขียวผ่านการดำเนินงานของ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าได้รับคัดเลือกเป็นหุ้นดัชนี SET50 ภายในปี 2573 และเป็นหนึ่งในหุ้นยั่งยืนที่รวมอยู่ในดัชนี DJSI เน้นขยายการลงทุนในพลังงานสีเขียวในประเทศที่ดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว และรีไซเคิลเงินทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยเน้นวินัยทางการเงินและผลตอบแทนจากการลงทุนที่เหมาะสม นอกจากนี้ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพแบบครบวงจร ยังเน้นการบริหารสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ และขยายธุรกิจหลักเข้าสู่ตลาดที่มีมูลค่าสูง โดยตั้งเป้าเป็นองค์กรพัฒนาและผลิตตามสัญญา (CDMO) แห่งแรกในอาเซียนภายในปี 2568 พร้อมตั้งเป้าผลิตได้มากกว่า 1 ล้านลิตรต่อปีภายในปี 2571

เสริมความมั่นคงด้านพลังงานผ่านธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม : กลุ่มบริษัทบางจากฯ วางรากฐานธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมให้แข็งแกร่ง โดยเข้าลงทุนในบริษัท OKEA ASA ในประเทศนอร์เวย์เมื่อปี 2561 มีเป้าหมายขยายกำลังการผลิตเป็น 50,000 บาร์เรลต่อวันภายในปี 2573 และมีแผนเข้าซื้อสินทรัพย์สำรวจและผลิตปิโตรเลียมแห่งใหม่ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน กลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของกลุ่มบริษัทฯ อย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตให้ถึง 100,000 บาร์เรลต่อวันภายในปี 2573

ฐานรากแห่งการเติบโตและเสถียรภาพทางการเงิน : กลุ่มบางจากมุ่งเน้นการพัฒนาฐานรากแห่งการเติบโตเพื่อรองรับการขยายธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ราคาพลังงานที่เอื้อมถึง และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ระหว่างปี 2568 ถึง 2573 กลุ่มบางจากมีแผนลงทุน 120,000 ล้านบาท เพื่อบรรลุเป้าหมาย EBITDA ใหม่ที่ 100,000 ล้านบาทภายในปี 2573 การลงทุนเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยพื้นฐานทางการตลาดที่แข็งแกร่ง การปรับปรุงประสิทธิภาพ และการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ เพื่อสร้างพอร์ตโฟลิโอที่สมดุลและความแข็งแกร่งทางการเงิน เรตติ้งเครดิตของกลุ่ม ‘A’ จาก TRIS Rating สะท้อนถึงความสามารถในการมุ่งเน้นไปที่โอกาสการเติบโตในขณะที่รักษาอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) และอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ที่แข็งแกร่ง

แนวทางสู่การเติบโต : กลุ่มบริษัทให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจในระยะยาวผ่านการพัฒนาและขยายธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงเทคโนโลยีเพื่อสังคมคาร์บอนต่ำ ธุรกิจเชื้อเพลิงที่ยั่งยืน และโซลูชันพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังขยายไปถึงการนำระบบดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลกและเพิ่มผลประโยชน์สูงสุดในระยะยาวแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

กลุ่มบางจากมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการสร้างอนาคตด้วยการลงทุนและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความท้าทายระดับโลกและมีส่วนสนับสนุนสังคมคาร์บอนต่ำ ด้วยวิสัยทัศน์ “สร้างสรรค์โลกที่ยั่งยืนด้วยนวัตกรรมสีเขียวที่ก้าวหน้า” กลุ่มบางจากมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและกลยุทธ์ที่มั่นคง กลุ่มบางจากมีเป้าหมายการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบรรลุเป้าหมาย EBITDA 100,000 ล้านบาทภายในปี 2030 เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศไทยและภูมิภาค และเพิ่มประโยชน์สูงสุดแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและการพัฒนาที่ยั่งยืน