จากนโยบายของรัฐบาลไทยตั้งเป้าหมายว่าภายในปี ค.ศ. 2030 หรือ พ.ศ. 2573 จะต้องมีรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม การจะเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์สันดาปไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้านั้น อาจกลายเป็นการดิสรัประบบอุตสาหกรรมดั้งเดิม ทำลายซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมนี้ ตลอดจนส่งผลต่อการปรับตัวของกลุ่มแรงงาน และการยกระดับองค์ความรู้ด้านยานยนต์สมัยใหม่
บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาระบบนิเวศน์ของอุตสาหกรรม ทั้งในการสร้างองค์ความรู้ ความปลอดภัยในการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า และตลอดจนยานยนต์อัติโนมัติที่จะเข้ามามีบทบาทในอนาคตอันใกล้นี้ จึงได้ลงนามข้อตกลงการร่วมมือ (MOU) กับบริษัท EVall และกลุ่มบริษัทเครือข่ายในเกาหลีกว่า 12 บริษัทฯ เพื่อสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต ในวันที่ 27 มีนาคม 2567 ณ บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด โดยการร่วมมือนี้จะสร้างโอกาสในการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและระหว่างบริษัทฯ อีกทั้งยังเน้นในการสร้างศูนย์อบรมความปลอดภัยสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ยานยนต์อัตโนมัติ โดรนไร้คนขับ และการพัฒนาหลักสูตรอบรมเพื่อเสริมสร้างบุคลากรในอุตสาหกรรม
นายพนัส วัฒนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทพนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด กล่าวว่า “การร่วมมือนี้เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของเรา และเรามุ่งหวังที่จะพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อรองรับความต้องการของตลาดในอนาคต เพราะยานยนต์ไฟฟ้าถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย ซึ่งทุกคน ทุกภาคส่วนต้องการองค์ความรู้เป็นพื้นฐานเพื่อให้สามารถร่วมพัฒนาประเทศของเราได้ และบริษัท พนัสฯ เองไม่สามารถที่จะดำเนินการทุกอย่างเองได้ ดังนั้น เราจึงต้องการพาร์ทเนอร์ที่มีศักยภาพและพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีซึ่งกันและกัน เพราะไม่เพียงแต่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตไปพร้อมกัน”