ขนส่งฯเผยสถิติจดทะเบียนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าระหว่างต.ค. 2566- ม.ค. 2567 ทะลุกว่า 48,000 คัน ทะยานโตเพิ่ม 324.13% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกัน เชิญชวนประชาชนหันมาใช้รถ EV เพื่อลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 อีกทั้งยังได้รับมาตรการลดภาษีประจำปีอีกด้วย ตั้งแต่วันนี้จนถึง 10 พ.ย. 2568
นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ณ ปัจจุบัน ปัญหาสิ่งแวดล้อมกำลังเป็นปัญหาสำคัญที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ โดยเฉพาะปัญหามลพิษทางอากาศฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและสุขภาพของประชาชน ทั้งนี้ เทรนด์การหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้าหรือรถ EV (Electric Vehicle) เพื่อลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 กำลังเป็นที่นิยมและมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสถิติการจดทะเบียนรถพลังงานไฟฟ้าตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทั่วประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (ระหว่างเดือน ต.ค. 2566 – ม.ค. 2567) มีจำนวนทั้งสิ้น 48,096 คัน เมื่อเทียบกับจำนวนการจดทะเบียนฯในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ในช่วงเวลาเดียวกัน ที่มีจำนวนทั้งสิ้น 11,340 คัน โดยมีอัตราการจดทะเบียนฯ เพิ่มขึ้น จำนวน 36,756 คัน คิดเป็น 324.13% ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางบก ได้ดำเนินมาตรการลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เป็นรถใหม่สำเร็จรูปจากโรงงานและนำมาจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นรูปธรรม
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวต่อไปว่า สำหรับมาตรการลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เป็นรถใหม่สำเร็จรูปจากโรงงานและนำมาจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 10 พ.ย. 2568 โดยให้ลดภาษีลงร้อยละ 80 จากอัตราที่กำหนดตาม (11) ของอัตราภาษีประจำปีท้ายพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้
– รถเก๋งที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,800 กิโลกรัม ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 1,600 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 320 บาท
– รถตู้ส่วนบุคคลที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,800 กิโลกรัม ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 800 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 160 บาท
– ส่วนรถจักรยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 50 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 10 บาท เป็นต้น
โดยเริ่มตั้งแต่วันที่รถนั้นจดทะเบียนเป็นระยะเวลา 1 ปี การใช้รถพลังงานไฟฟ้าหรือรถ EV (Electric Vehicle) นอกจากจะช่วยเรื่องการลดมลพิษทางอากาศโดยการใช้เทคโนโลยีการขับเคลื่อนของมอเตอร์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทดแทนพลังงานเชื้อเพลิงอย่างน้ำมันแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงประหยัดภาษีประจำปีให้กับเจ้าของรถได้อีกทางหนึ่งด้วย