วินัยจราจรชาติ กับความห่วยแตก “ผู้ใช้รถใช้ถนน”

0
176

วินัยจราจรชาติ กับความห่วยแตก “ผู้ใช้รถใช้ถนน”

เมื่อไหร่ก็ตามที่เทศกาลสำคัญของพี่ไทยมาเยือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ มหกรรมในหลากหลายมิติอันน่าสพรึงกลัวก็ตามมาติดๆ ไม่ว่าจะเป็นมหกรรมคลื่นมหาชนแห่ออกต่างจัวหวัดจนเมืองหลวงกลายเป็นเมืองร้าง มหกรรมรถติดวินาศสันตโร มหกรรมการเกิดอุบัติเหตุ ปิดท้ายด้วยมหกรรมการตามเก็บ-นับศพกันจ้าระหวั่น ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าที่ใครต่อใครต่างดั้นด้นวางแผนเดินทางไปต่างยังสถานที่ต่างๆในช่วงเทศกาล เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการท่องเที่ยว การพบปะญาติสนิทมิตรสหายและบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง การดำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมอันดีงาม หรือแม้แต่ การจาริกแสวงบุญ

วัตถุประสงค์ทั้งหลายทั้งปวงล้วนสังเขปเอาไว้อย่างที่ทุกคนเพรียกหา นั่นก็คือ ความสุข !

เมื่อก้าวเท้าออกจากบ้านแล้วสัญจรตามระบบขนส่งสาธาณะต่างๆ หรือแม้แต่การขับส่วนตัวไปก็ตามที เพื่อมุ่งหวังการทำกิจกรรมต่างๆ ณ จุดหมายปลายทาง แต่ระหว่างทางดันต้องเผชิญชะตากรรมและปัจจัยเสี่ยงรอบทิศทาง กว่าจะกระเตงชีวิตไปถึงที่หมายตลอดรอดฝั่งก็ต้องลุ้นกันตัวโก่ง บางคนไปไม่ถึงฝั่งฝันต้องเอาชีวิตไปสมทบกับโค้ง 100 ศพ บางคนรอดมาได้ก็พิการเสียขาเสียแขน ไม่แปลกหรอกครับพี่น้องที่ประเทศไทยจะถูกตราหน้าให้เป็นประเทศที่ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุดเป็นอันสองของโลก

ดังนั้น พอได้เห็นข่าวอุบัติเหตุทางถนนช่วงหยุดยาวในเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์แต่ละปี ดูเหมือนเป็นเรื่องที่เคยชินกันไปแล้ว ต่อให้ต้องฆ้องร้องป่าวพลางร่วมรณรงค์ด้านความปลอดภัยสุดลิ่มทิ่มรูถูกันทุกปี ตัวเลขผู้เสียชีวิตบาดเจ็บพิการจากอุบัติเหตุในแต่ละเทศกาล ยังคงเป็นเรื่องที่น่าวิตกอย่างยิ่ง เพราะมักจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตเฉลี่ยประมาณ 300 – 400 ราย หรือเสียชีวิต 1 รายในทุกครึ่งชั่วโมง เป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นสูงถึงสองเท่าจากปกติ จำนวนผู้บาดเจ็บ 2,000-3,000คน จำนวนอุบัติเหตุประมาณ 2,000-3,000 ครั้ง และตัวเลขดังกล่าวจะทะยานสูงลิ่วขึ้นทุกๆปี

 ก็ไม่ทราบอีกเหมือนกันว่าจะเป็นเทศกาลแห่งความสุข หรือเทศกาลแห่งความทุกข์ระทมกันแน่

เพราะเส้นแบ่งระหว่างความสุขกับความทุกข์ในยุคนี้สมัยนี้ เทศกาลสำคัญอันเป็นหน้าเป็นตาของสังคมไทยในสายตาประชาคมโลกในเชิงวัฒนธรรมจากอดีตจนถึงปัจจุบัน มันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีนในทุกมิติแล้ว ท่านผู้อ่านที่เคยแหกโค้งแห่งชีวิตมาอย่างโชกโชนเคยขบคิดหรืออุทานเป็นภาษามอนเตรเนโกบ้างหรือไม่ว่า “เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?”

ที่นายปีศาจขนส่ง เอื้อนเอ่ยมานี่ก็ไม่ได้เป็นคนโลกสวย ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่จะมองโลกในแง่ร้ายจนเกินเหตุ แต่ก็พยายามหาเหตุผลตอบจริตของตัวเองเหมือนกันว่าสรุปแล้ว คนไทยจะต้องประสบปัญหาเหล่านี้ตลอดไปชั่วลูกชั่วหลานกันหรืออย่างไร เมื่อไหร่เราจะสามารถหลุดจากวงจรอุบาทว์เช่นนี้ไปได้ คนไทยจะบาดเจ็บล้มตายเพิ่มสถิติใหม่ขึ้นทุกปีหรืออย่างไร หน่วยงานที่รับผิดชอบมีแนวทางแก้ไขที่ถูกทางแล้วหรือไม่ และอีกจิปาถะคำถามที่เกิดขึ้นในใจ

ว่ากันมีหลายหน่วยงานและหลายองค์กรทั้งในประเทศและต่างประเทศศึกษาวิจัยสรุปปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ และก็ค้นพบ 3 ปัจจัยหลักๆ ดังต่อไปนี้

1.พฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่ ไม่ต้องปฏิเสธเลยว่านี่แหล่ะสาเหตุแรกๆของการทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน

พฤติกรรมของผู้ขับขี่ของคนไทยมักออกนอกลุ่นอกทาง หลุดขอบสุดโต่งหลุดโค้งจิตสำนึกที่ดี นึกอยากจะปาดก็ปาด อยากจะแซงก็แซง ไม่เคารพกฎจราจรเป็นอาจิณ มีพฤติกรรมการขับขี่ชนิดบ้าบิ่นบ้าระห่ำ สุ่มเสี่ยงให้เกิดอันตรายต่อเพื่อนร่วมทาง คนอื่นอาจจะเรียกว่านิสัยแย่ ๆของผู้ขับขี่ แต่ปีศาจขนส่ง ขอเรียกผู้มีพฤติกรรมเหล่านี้ “สันดานต่ำ” ถึงจะเหมาะสม เพราะถ้านิสัยพอจะปรับจุนกันได้ แต่นี่มันเลยกรอบนิสัยกลายเป็น “สันดาน” ไปแล้ว

2.การบังคับใช้กฎหมายไม่เข้มงวดพอ ประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศที่ขยันออกกฎหมายบังคับการจราจรมาก

ที่สุดในโลก แต่ก็น่าจะเป็นประเทศแรกๆที่กฎหมายไร้ความศักดิ์สิทธิ์ สารพัดกฎหมายที่ขยันออกมาบีบผู้ขับขี่ซะจนไข่บวมกันทั้งประเทศแล้ว แต่ก็ไม่ดีขึ้น เพราะการบังคับใช้กฎหมายไร้ประสิทธิภาพ ผู้บังคับใช้กฎหมายดันบังคับใช้เพื่อหาประโยชน์ใส่ตัว ขณะเดียวกันผู้ใช้กฎหมายก็ชอบใช้เงินซื้อความสะดวก กฎหมายจึงเป็นได้แค่ “ตัวหนังสือ” เท่านั้น

3.ความปลอดภัยของถนนไม่ได้มาตรฐาน ไม่อาจปฏิเสธความห่วนแตกของถนนหนทางบ้านเรา เวลาซ่อมแซมก็

ไร้การบริหารจัดการที่ดี ผู้รับเหมาปล่อยปละละเลยความรับผิดชอบ ถนนหนทางไม่ได้มาตรฐาน เพราะถูกผู้รับเหมาที่แฝงตัวเป็นนักการเมืองทั้งระดับชาติและท้องถิ่น สมรู้ร่วมคิดกับข้าราชการขี้ฉ้อฉลร่วมหัวกันกินอิฐหินดินทรายซะจนถนนไม่ได้มาตรฐาน แล้วจะเพรียกหาความปลอดภัยได้ที่ไหน

ทั้งหมด คือการกระเทาะเปลือกความปลอดภัย กระทุ้งแก่นแท้ “ความห่วยแตก” วินัยจราจรของคนในบ้านนี้เมืองนี้ ถ้าคนไทยยังย่ำอยู่กับที่กับพฤติกรรมบ้าบิ่นเช่นนี้ อีกไม่นานเกินรอพี่ไทยเราจะผงาดเป็นประเทศที่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตบนท้องถนนเป็นอันดับหนึ่งของโลก อนาถใจแท้ไทยแลนด์ ไทยแลนด์!!