sacit โชว์งานหัตถศิลป์ไทยในงาน LIFESTYLE Week TOKYO 2023 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีผู้เข้าชมงานกว่า 30,000 ราย เป็นการยกระดับงานหัตถศิลป์ไทย เปิดโอกาสการเข้าถึงงานหัตถศิลป์ไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ รวมถึงแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านหัตถกรรมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนของญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยต่อไปในอนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ sacit ยกระดับหัตถศิลป์ไทยสู่สากล โดยนำงานศิลปหัตถกรรมไทยหลากหลายแขนงทั่วประเทศไทย ทั้งแบบดั้งเดิมที่คงอัตลักษณ์และสะท้อนภูมิปัญญาความเป็นไทย และในรูปแบบที่มีความร่วมสมัย โดดเด่นในด้านดีไซน์ มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ อาทิ แจกัน ที่ใช้เทคนิคคร่ำทอง-ถมทอง , งานลงรักประดับมุก, เครื่องเคลือบศิลาดล , กระเป๋าย่านลิเภา , เครื่องจักสาน , เครื่องเบญจรงค์ 12 นักษัตร , ผ้าฝ้ายออร์แกนิกและผ้าไหมย้อมสีจากธรรมชาติ , โคมไฟจากไม้กระถินณรงค์ , ชุดกิโมโนบาติกไหมไทยและโอบิที่เป็นการผสมผสาน 2 วัฒนธรรมไทย-ญี่ปุ่นได้อย่างลงตัวและสวยงาม ไปโชว์ยังประเทศญี่ปุ่น ในงาน LIFESTYLE Week TOKYO 2023 สร้างความตื่นตาตื่นใจและได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานจากชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติกว่า 30,000 คน ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสการเข้าถึงงานศิลปหัตถกรรมไทยให้กับผู้บริโภค ผู้สนใจงานหัตถกรรม นักออกแบบ หรือนักสะสม ได้เรียนรู้ภูมิปัญญาไทยได้โดยตรง ทำให้งานศิลปหัตถกรรมไทยเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในระดับโลก รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้สร้างสรรค์งานหัตถกรรมไทย โดยได้สร้างเครือข่ายด้านงานศิลปหัตถกรรมจากองค์กรภาครัฐและหน่วยงานเอกชนทั้งในและต่างประเทศ เช่น JTCO , RX Japan , ร้านค้างานหัตถกรรมญี่ปุ่น เป็นต้น ตลอดจนกระแสผ้าไทยที่หลากหลายสไลต์ของเลดี้ปรางที่ได้นำเสนอความเป็นไทยตามแลนด์มาร์กสำคัญใจกลางกรุงโตเกียว ชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติที่ได้พบเห็นต่างให้ความสนใจและรู้สึกประทับใจกับชุดผ้าไทยอย่างมาก
การนำงานหัตถศิลป์ไทยไปอวดโฉมบนเวทีนานาชติครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำความสำเร็จในการส่งเสริมงานศิลปหัตถกรรมไทยให้เป็นที่ประจักษ์ในเวทีโลก ทำให้สังคมโลกได้รับรู้ว่า ประเทศไทยมีทุนทางวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาและอัตลักษณ์ความเป็นไทยที่มีเสน่ห์อันน่าประทับใจ อีกทั้งยังทำให้ผู้สร้างสรรค์งานหัตถกรรมไทยเกิดแรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ การพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น สามารถยกระดับงานศิลปหัตถกรรมไทยให้เติบโต สร้างความภาคภูมิใจในงานศิลปหัตถกรรมไทยให้กับสังคมไทย รวมถึงสร้างมูลค่าเพิ่มและผลักดัน Soft Power ไทยให้ขับเคลื่อน “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” ไปสู่ระดับโลกได้อย่างยั่งยืน