รฟท. อัพเดทความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน เตรียมเปิดใช้งานช่วงนครปฐม ถึงสะพลี จ.ชุมพร กันยายนนี้

0
181

การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผยความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน ตามที่ รฟท. ได้ลงนามสัญญาโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 7 เส้นทาง และโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ 2 เส้นทาง ตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558 – 2565 ซึ่ง รฟท. ให้ความสำคัญในการกำกับติดตามดูแลการก่อสร้างอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การพัฒนาโครงข่ายรถไฟทางคู่สามารถเปิดให้บริการได้ตามแผนที่กำหนด และส่งผลให้การดำเนินโครงการต่าง ๆ มีความก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. โครงการดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้แล้ว 2 โครงการ ได้แก่

1.1 โครงการช่วงชุมทางฉะเชิงเทรา – คลองสิบเก้า – แก่งคอย

1.2 โครงการช่วงชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น

2. โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างและใกล้แล้วเสร็จ จำนวน 3 โครงการ ได้แก่

2.1 โครงการช่วงนครปฐม – หัวหิน สัญญา 1 นครปฐม – หนองปลาไหล ระยะทาง 93 กิโลเมตร ผลงานร้อยละ 97.183 สัญญา 2 หนองปลาไหล – หัวหิน ระยะทาง 76 กิโลเมตร ผลงานร้อยละ 97.535

2.2 โครงการช่วงหัวหิน – ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กิโลเมตร ผลงานร้อยละ 99.999

2.3 โครงการช่วงประจวบคีรีขันธ์ – ชุมพร สัญญา 1 ประจวบคีรีขันธ์ – บางสะพานน้อย ระยะทาง 88 กิโลเมตร ผลงานร้อยละ 93.510 สัญญา 2 บางสะพานน้อย – ชุมพร ระยะทาง 79 กิโลเมตร ผลงานร้อยละ 96.523 และส่วนงานระบบอาณัติสัญญาณ สายใต้ ระยะทาง 420 กิโลเมตร ผลงานร้อยละ 48.147 ภาพรวมของทั้ง 3 โครงการ ในส่วนของงานโยธาได้ดำเนินการใกล้เสร็จครบทั้งหมด และเริ่มทดลองเปิดใช้ทางคู่ใหม่บางช่วงเพื่อทดสอบระบบทางไปแล้ว จากนั้น รฟท. มีแผนเปิดใช้งานจริงช่วงเดือนกันยายน 2566 เริ่มจากสถานีนครปฐม ถึงสถานีสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร จากนั้นจะขยายไปจนถึงปลายทางที่สถานีชุมพรในปลายเดือนธันวาคม 2566 ซึ่งจะดำเนินการคู่ขนานไปกับงานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม และตั้งเป้าหมายจะเปิดใช้งานได้เต็มระบบภายในปี 2568

3. โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 2 โครงการ ได้แก่

3.1 โครงการช่วงลพบุรี – ปากน้ำโพ สัญญา 1 บ้านกลับ – โคกกะเทียม ระยะทาง 32 กิโลเมตร ผลงานร้อยละ 86.67 สัญญา 2 ท่าแค – ปากน้ำโพ ระยะทาง 116 กิโลเมตร ผลงานร้อยละ 78.44 ส่วนงานระบบอาณัติสัญญาณ สายเหนือ ระยะทาง 148 กิโลเมตร ผลงานร้อยละ 32.160

3.2 โครงการช่วงมาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระ สัญญา 1 มาบกะเบา – คลองขนานจิตร ระยะทาง 58 กิโลเมตร ผลงานร้อยละ 96.220 สัญญา 2 คลองขนานจิตร – ชุมทางถนนจิระ1 ระยะทาง 69 กิโลเมตร ยังไม่ได้ลงนามสัญญา สัญญา 3 อุโมงค์รถไฟ ระยะทาง 5 กิโลเมตร ผลงานร้อยละ 98.137 ส่วนงานระบบอาณัติสัญญาณ สายตะวันออกเฉียงเหนือ ระยะทาง 132 กิโลเมตร ผลงานร้อยละ 21.560

4. โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ 2 โครงการ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ในช่วงเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ และช่วงบ้านไผ่ – มุกดาหาร – นครพนม ขณะนี้มีแผนก่อสร้างอยู่ระหว่างดำเนินการ ดังนี้

ช่วงเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ สัญญา 1 ช่วงเด่นชัย – งาว ระยะทาง 103 กิโลเมตร ผลงานร้อยละ 0.934 สัญญา 2 ช่วงงาว – เชียงราย ระยะทาง 132 กิโลเมตร ผลงานร้อยละ 2.157 สัญญา 3 ช่วงเชียงราย – เชียงของ ระยะทาง 87 กิโลเมตร ผลงานร้อยละ 1.485

ช่วงบ้านไผ่ – มหาสารคาม – ร้อยเอ็ด – มุกดาหาร – นครพนม สัญญา 1 ช่วงบ้านไผ่ – หนองพอก ระยะทาง 180 กิโลเมตร ผลงานร้อยละ 0.112 สัญญา 2 ช่วงหนองพอก – สะพานมิตรภาพ 3 ระยะทาง 175 กิโลเมตร ผลงานร้อยละ 0.007

ทั้งนี้ เมื่อการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน 7 เส้นทาง และเส้นทางสายใหม่ 2 เส้นทางแล้วเสร็จ จะช่วยเพิ่มสัดส่วนทางคู่ทั่วประเทศมากถึง 10 เท่า หรือคิดเป็นร้อยละ 65 ของระยะทางรวมทั้งหมด มากกว่าเดิมที่มีทางคู่เพียงร้อยละ 6 อีกทั้งช่วยลดระยะเวลาการเดินทางได้ 1 – 1.50 ชั่วโมง รองรับปริมาณการขนส่งสินค้าและการขนส่งผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งจากถนนสู่การขนส่งทางรางที่มีต้นทุนต่ำกว่า ตลอดจนเชื่อมโยงกับขนส่งกับประเทศเพื่อนบ้านได้ด้วย

นอกจากนี้ รฟท. ยังอยู่ระหว่างจัดทำโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 เพิ่มเติมอีก 7 เส้นทาง ได้แก่ ช่วงปากน้ำโพ – เด่นชัย ช่วงขอนแก่น – หนองคาย ช่วงชุมทางถนนจิระ – อุบลราชธานี ช่วงชุมพร – สุราษฎร์ธานี ช่วงสุราษฎร์ธานี – ชุมทางหาดใหญ่ – สงขลา และช่วงชุมทางหาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมการจัดทำข้อมูลเพื่อรอเสนออนุมัติโครงการแล้ว ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย – เชียงใหม่ อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลเพื่อเสนอขออนุมัติโครงการ รวมถึงกำลังทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เช่นกัน โครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ จะทำให้ รฟท. มีรถไฟทางคู่ครอบคลุมการเดินทางได้มากกว่า 50 จังหวัดทั่วประเทศ มีเส้นทางคู่รวมกันมากกว่า 3,000 กิโลเมตร ภายในปี 2572 จะสามารถรองรับขบวนรถได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 2 เท่าตัว สามารถทำความเร็วในการขนส่งสินค้าได้จากเดิม 29 กิโลเมตร/ชั่วโมง เป็น 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง และทำความเร็วในการขนส่งผู้โดยสารเพิ่มจากเดิม 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง เป็น 100 – 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยไม่ต้องเสียเวลาในการรอหลีกขบวนรถ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งด้านโลจิสติกส์ได้มหาศาล อีกทั้งช่วยเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางเสมอระดับรถไฟ – รถยนต์ ที่สำคัญรถไฟทางคู่จะช่วยกระจายโอกาสทางสังคม การเติบโตทางเศรษฐกิจสู่ภูมิภาคต่าง ๆ ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และพลิกโฉมการคมนาคมขนส่งของประเทศ ให้กลายเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมของภูมิภาคอาเซียนได้ต่อไป