บางจากฯต้อนรับเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงออสโล เยี่ยมชมแท่นผลิตปิโตรเลียม Draugen

0
44

บางจากฯต้อนรับเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงออสโล เยี่ยมชมการปฏิบัติงานที่แท่นผลิตปิโตรเลียม Draugen ของ OKEA ASA กลางทะเลนอร์เวย์ หนึ่งในธุรกิจของกลุ่มบริษัทบางจาก ในประเทศที่ได้รับการยอมรับว่ามีมาตรฐานด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมดีที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง

นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ Mr. Svein J. Liknes ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท OKEA ASA ร่วมต้อนรับ นางสาววิมลพัชระ รักษาเกียรติ เอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์และคณะ ในโอกาสเยี่ยมชมและศึกษาการปฏิบัติงานที่แท่นผลิตปิโตรเลียม Draugen (ดรอเก้น) ในทะเลนอร์เวย์ของบริษัท OKEA ASA ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจสำรวจและผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสโล และเป็นธุรกิจต้นน้ำภายใต้ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและธุรกิจใหม่ของกลุ่มบริษัทบางจาก

ตั้งแต่ปี 2561 บางจากฯ ได้ร่วมลงทุนและถือหุ้นหลักในบริษัท OKEA ASA ซึ่งเป็นธุรกิจสำคัญเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาวของกลุ่มบริษัทบางจาก การเยี่ยมชมกิจการแท่นผลิตปิโตรเลียม Draugen ของเอกอัครราชทูตไทยและคณะนับเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ไทย-นอร์เวย์ ที่ช่วยผลักดันความร่วมมือทวิภาคีในการเชื่อมโยงนโยบาย Green Transition ของนอร์เวย์กับนโยบาย Bio-Circular-Green (BCG) economy ของไทย

OKEA ASA เป็นผู้นำในการดำเนินการแหล่งปิโตรเลียมระยะกลางและปลายบนพื้นที่ไหล่ทวีปของนอร์เวย์ (Norwegian Continental Shelf) ผ่านกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นเสริมสร้างการเติบโต การสร้างมูลค่า และเคร่งครัดในวินัยด้านเงินทุน เพื่อขยายอายุสินทรัพย์ให้ยาวนานขึ้นจากแผนเดิม การลงทุนของ บางจากฯ ใน OKEA ASA ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และบางจากฯ ยึดเป็นต้นแบบขยายการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน

ทั้งนี้ นอร์เวย์เป็นประเทศที่มียอดการใช้รถไฟฟ้าสูงสุดในโลกเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร โดยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดที่ใช้ในประเทศมาจากแหล่งพลังงานสะอาด ในขณะที่พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลผลิตเพื่อส่งออก และเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับว่ามีมาตรฐานด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมดีที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง โดยมีแผนจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 50-55 ภายในปี ค.ศ. 2030 (พ.ศ. 2573) และเป็นสังคมที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกปริมาณต่ำภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593)ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจพลังงานของนอร์เวย์พยายามรักษามาตรฐานการผลิตให้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นได้