กทท.ผุดโครงการพัฒนาลานจอดรถบรรทุกหวังแก้ปัญหารถติดท่าเรือแหลมฉบัง

0
36

กทท.เดินหน้าโครงการพัฒนาเส้นทางเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพและทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ (S1) เป็นทางด่วนเส้นขยายแยกรถบรรทุกออกจากเส้นทางสัญจร เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและลดปัญหาการจราจรติดขัด ผุดโครงการพัฒนาลานจอดรถบรรทุก (Truck Parking)แก้ปัญหารถติดท่าเรือแหลมฉบัง

นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.)ภายในงานงานประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ของสมาคมขนส่งสินค้านำเข้าและส่งออก​ว่า​การขนส่งสินค้าทางบกเป็นกลไกสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ​ของประเทศ​ สินค้ามากกว่า​ 90% เป็นการขนส่งโดยรถบรรทุก​ กทท.​ ได้นำนวัตกรรมเทคโนโลยี​ดิจิทัล​และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการขนส่งอย่างต่อเนื่องหลายรูปแบบ​ (Multimodal Transportation)

ได้แก่​ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง​ (ทลฉ.) ระยะที่​ 3  และโครงการพัฒนาท่าเรือบก​ โดยจุดแรกจะมุ่งไปที่ภาคอีสาน​ในจังหวัดขอนแก่นและนครราชสีมา​ เนื่องจากมีการขนส่งสินค้าเป็นจำนวนมาก​ และรองรับสนับสนุนโครงการ​ ทลฉ.ระยะที่​ 3

อย่างไรก็ตาม​สำหรับแนวทางการพัฒนาเพื่อ​รองรับการขนส่งทางบกโดยรถบรรทุก​ ในส่วนของ​ท่าเรือ​กรุงเทพมีโครงการที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและลดปัญหาการจราจรติดขัด​ ได้แก่​ โครงการพัฒนาเส้นทางเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพและทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์​ (S1)​ เป็นทางด่วนเส้นขยายแยกรถบรรทุกออกจากเส้นทางสัญจร

และส่วนท่าเรือแหลมฉบัง​ ได้ชูสองโครงการหลัก​ได้แก่​ โครงการพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์​เพื่อช่วยบริหารเวลารถบรรทุกเข้าออก​ ทลฉ.​ (Truck Queue) เป็นระบบจองเวลาล่วงหน้าในการนำรถบรรทุกเข้ามารับ-ส่งสินค้าภายในเขตท่าเรือ​ ซึ่งจะมีโครงการพัฒนาลานจอดรถบรรทุก​ (Truck​ Parking) เป็นโครงการสนับสนุน โดยหากได้จองเวลาในระบบ​ Truck​ Queue​ แล้ว​ แต่นำรถเข้ามาก่อนเวลาก็จะต้อง​เข้าไปจอดรอในลานจอดรถบรรทุก​ Truck​ ​Parking ที่จัดเตรียมไว้​ในพื้นที่ 90 ไร่​ ภายในพื้นที่จะมีศูนย์อาหาร​ ร้านสะดวกซื้อ​ จุดบริการรถไฟฟ้า​ EV​ ห้องอาบน้ำ​ ฯลฯ​ เพื่อเป็นจุดพักผ่อนสำหรับคนขับรถบรรทุก​และผู้ใช้บริการ โครงการทั้งหมดนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดทั้งภายในและภายนอกท่าเรืออย่างยั่งยืน​ ช่วยลดปัญหามลภาวะสิ่งแวดล้อม​ และลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง​ตามนโยบายท่าเรือสีเขียว​ (Green Port)

“การทำงานของ​ กทท.​ ต้องประสานทุกภาคส่วนของการขนส่ง​ เพื่อให้เกิดโครงข่ายการเชื่อมโยงทุกรูปแบบ​ ลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์​ ร​องรับการเจริญเติบโต​ทางเศรษฐ​กิจ​ ควบคู่กับการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ต้องคำนึงถึงการขนส่งที่เป็นมิตรต่อ​สิ่งแวดล้อม” ผู้อำนวยการ​ กทท.​ กล่าวทิ้งท้าย​