กรมเจ้าท่า เผยขั้นตอนปฏิบัติการควบคุมกู้เรือบรรทุกน้ำมัน”เรือภัทรพัณณ์”จากเหตุเกยตื้นบริเวณหาดแหลมสนอ่อน จังหวัดสงขลา
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รักษาการอธิบดีกรมเจ้าท่า มอบหมาย นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่าด้านปลอดภัย สั่งการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 สงขลา ควบคุมตรวจสอบ การกู้เรือภัทรพัณณ์ จากเหตุเกยตื้นบริเวณหาดแหลมสนอ่อน จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2565 โดย “เรือภัทรพัณณ์”เป็นเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ ประสบเหตุจากคลื่นลมในทะเลอ่าวไทยที่มีกำลังแรงได้ซัดเรือเข้ามาเกยตื้นบริเวณหาดแหลมสนอ่อน จ.สงขลา ซึ่งเรือลำดังกล่าวเป็นเรือเปล่าไม่มีสินค้าอยู่บนระวางของเรือ
ปัจจุบันผลการดำเนินการกู้เรือ “ภัทรพัณณ์” ที่ติดตื้นบริเวณชายหาดแหลมสนอ่อน จังหวัดสงขลา บริษัทเจ้าของเรือได้ว่าจ้างทีมกู้เรือเข้ามาดำเนินการ โดยใช้เครื่องจักรประกอบด้วย 1.รถแบคโฮ จำนวน 3 คัน 2.เรือขุดลอก จำนวน 2 ลำ 3.เรือทัก 2 ลำ 4.เรือบาร์จ 1 ลำ สำหรับแผนการกู้เรือภัทรพัณณ์ ยังคงดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่งจะใช้เรือดูดทรายทำการดูดทรายที่บริเวณน้ำลึกที่ประมาณ 4 เมตร ทำร่องน้ำเข้าไปหาตัวเรือที่เกยตื้นชายหาดให้มีความลึกตลอดร่องน้ำที่ 4 เมตร มีความยาว 500 เมตร และมีความกว้างร่องน้ำ 18 เมตร เพื่อเป็นร่องสำหรับนำเรือออก เมื่อเรือลอยตัวขึ้นแล้วจะนำเชือกมาผูกกับหัวเรือภัทรพัณณ์ ให้เรือบาร์จเครนขนาดใหญ่ 2 ลำ ทำการลากเพื่อหมุนหัวเรือออกสู่ทะเล และเข้าไปในร่องน้ำที่ทำการขุดไว้ด้วยเรือขุดหัวสว่าน แล้วให้เรือบาร์จเครนทั้ง 2 ลำ ลากเรือออกสู่น้ำลึก ก่อนทิ้งสมอในจุดที่ปลอดภัยต่อไป และจะมีนักประดาน้ำลงไปตรวจสอบเช็กสภาพใต้ท้องเรือว่ามีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นหรือไม่
สำหรับร่องน้ำที่ขุดนำเรือออกจะเร่งทำการปรับพื้นทรายให้กลับเข้าสู่สภาพเดิมทันที โดยใช้เวลาตามแผนงานที่กำหนดไว้ ปัจจุบันดำเนินการไปได้ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 สำหรับกองทรายที่เกิดจากการดำเนินการกู้เรือ จะดำเนินการปรับสภาพแนวชายหาดให้กลับเป็นเช่นเดิม ทั้งนี้ แผนการกู้เรือดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพสิ่งแวดล้อม พร้อมกันนี้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 และ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสงขลา จะจัดเจ้าหน้าที่เพื่อควบคุมการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จต่อไป