“ศักดิ์สยาม”กดปุ่มเปิดให้บริการเดินรถเมล์ไฟฟ้าเพิ่มอีก 2 สาย(สาย38และ48) ชี้ปี65 จัดสรรรถเมล์ไฟฟ้าแล้วกว่า 1,250 คันใน 77 เส้นทาง ลั่นปี66 ลุยผลักดันเพิ่มขึ้นอีก 1,850 คันในอีก 45 เส้นทางหวังขยายผลการบริการรถโดยสารสาธารณะที่มีคุณภาพ โดยภาคเอกชนมีการพัฒนาคุณภาพบริการ พลิกโฉมภาพลักษณ์ของระบบการขนส่งมวลชนทางถนนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยหลังพิธิเปิดว่าจากนโยบายของรัฐบาลภายใต้การบริหารงานของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญการเพิ่มประสิทธิภาพรถโดยสารสาธารณะในการให้บริการประชาชน โดยเดินหน้าส่งเสริมการใช้รถเมล์ไฟฟ้า EV และรถยนต์ไฟฟ้าอย่างอย่างจริงจัง รวมทั้งสนับสนุนผู้ประกอบการให้ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของอาเซียน เพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ลดภาระของประชาชนในการพึ่งพิงน้ำมัน และเป็นการปรับตัวเพื่อเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำที่หวังว่าจะเกิดขึ้นในไทยได้ในอนาคตอันไม่ไกลจากนี้ กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการตามนโยบายสนับสนุนให้เกิดกระแสการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยได้ดำเนินการจ้างเหมาบริการรถโดยสารปรับอากาศที่ใช้พลังงานสะอาด (รถไฟฟ้า) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเดินรถและลดมลพิษในเขตเมือง เพื่อให้การบริการประชาชนมีประสิทธิภาพมากที่สุด
สำหรับพิธีเปิดให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าในครั้งนี้ถือเป็นปฐมฤกษ์ของปี 2566 ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สานต่อจากความสำเร็จของการผลักดันให้เกิดบริการรถโดยสารพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแก่ประชาชน ด้วยความร่วมมือของกระทรวงคมนาคมและภาคเอกชน ในปี 2565 สามารถจัดสรรให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าให้แก่พี่น้องประชาชนกว่า 1,250 คัน ใน 77 เส้นทาง อันเป็นการพลิกโฉมภาพลักษณ์ของระบบการขนส่งมวลชนทางถนนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ส่วนในปี 2566 นี้ กระทรวงคมนาคมได้ตั้งเป้าหมายจะสามารถผลักดันให้มีรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าให้บริการพี่น้องประชาชนเพิ่มขึ้นอีก 1,850 คัน เพื่อขยายผลการบริการรถโดยสารสาธารณะที่มีคุณภาพ โดยภาคเอกชนมีการพัฒนาคุณภาพบริการ เดินหน้าปรับเปลี่ยนรถโดยสารเอกชนจากรถที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลไปเป็นรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ในอีก 45 เส้นทาง และเส้นทางที่ประชาชนนิยมใช้บริการ ทำให้ภายในปี 2566 จะมีรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าให้บริการถึง 3,100 คัน และตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมได้ผลักดันนโยบายเพื่อพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะที่มีคุณภาพ สะดวก สะอาด ประหยัด ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกว่าที่นโยบายรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าจะประสบความสำเร็จนั้น กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการปฏิรูปเส้นทางเดินรถให้พี่น้องประชาชนเดินทางได้สะดวก โดยเน้นให้เกิดการเชื่อมต่อกับการเดินทางในรูปแบบอื่นอย่างไร้รอยต่อ รวมถึงปรับปรุง แก้ไข กฎระเบียบ เพื่อสนับสนุนให้เอกชนริเริ่มที่จะใช้รถโดยสารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาบริการพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งสร้างความรับรู้กับภาคเอกชนในการพัฒนาปรับปรุงรูปแบบ การให้บริการขนส่งสาธารณะที่ดี และขอความร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เข้าถึงบริการขนส่งสาธารณะที่ราคาประหยัด ช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่พี่น้องประชาชน ซึ่งบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด มีแผนที่จะจัดกิจกรรมเปิดตัวการใช้รถโดยสารพลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารสร้างความรับรู้ให้พี่น้องประชาชนเห็นถึงความก้าวหน้าของแผนการดำเนินการปรับเปลี่ยนรถโดยสารพลังงานสะอาด นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังได้จัดทำรูปแบบการชำระค่าโดยสารราคาพิเศษผ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (บัตร HOP CARD) เพื่อช่วยลดรายจ่ายในการเดินทาง โดยผู้โดยสารที่เดินทางเฉพาะทางรถโดยสารจะคิดค่าโดยสารตามจริงแต่ไม่เกินวันละ 40 บาท แบบไม่จำกัดจำนวนเที่ยว และสำหรับผู้โดยสารที่เดินทาง ในรูปแบบรถต่อเรือจะคิดค่าโดยสารตามจริงแต่ไม่เกินวันละ 50 บาท แบบไม่จำกัดจำนวนเที่ยวอีกด้วย
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กล่าวขอบคุณและแสดงความชื่นชม บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ในฐานะผู้ประกอบการคนไทย ที่มุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์ พัฒนาบริการที่ดีให้แก่ประชาชน และให้ความสำคัญกับนโยบายของกระทรวงคมนาคมในการส่งเสริม และสนับสนุนให้ทุกคนเข้ามาใช้บริการขนส่งสาธารณะที่มีคุณภาพ สะดวก สบาย สะอาด ปลอดภัย ในราคาที่ประหยัด อันจะช่วยสนับสนุนการแก้ปัญหามลพิษ PM 2.5 ปัญหา Climate Change และการจราจรของประเทศไทยอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมพร้อมจะให้ความร่วมมือและร่วมกันทำงานกับภาคเอกชน เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดพี่น้องประชาชนต่อไป