NEX ส่งมอบหัวลากพลังงานไฟฟ้า 100%จำนวน10คันให้กับ JWD ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนระดับอาเซียน สร้างมิติใหม่ระบบธุรกิจขนส่งด้วยรถหัวลากพลังงานไฟฟ้าทดแทนรถบรรทุกน้ำมันดีเซล ชี้“ต้นแบบ”ลดมลภาวะทางอากาศ ขณะที่ JWD ยันช่วยลดค่าเชื้อเพลิงมากกว่าดีเซลถึง 68% ลั่นภายใน 3 ปีขยายเพิ่ม 30% ฟลีทรถทั้งหมด คาดภายใน 10 ปีทยอยเปลี่ยนเป็นรถหัวลากพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดกรุยทางสู่“กรีนโลจิสติกส์”
นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX กล่าวว่า รถหัวลากไฟฟ้าเป็นรถพลังงานสะอาดที่ไม่สร้างมลพิษ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การนำรถหัวลากพลังงานไฟฟ้า 100% ไปใช้ในธุรกิจขนส่งสินค้า เป็นการช่วยลดต้นทุนค่าน้ำมันที่เรายังคงต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์น้ำมัน รวมทั้งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาให้กับผู้ประกอบการ ต้องขอขอบคุณทาง JWD ที่ไว้วางใจ นำรถหัวลากพลังงานไฟฟ้าของ NEX ไปใช้ เพื่อตอบโจทย์ในการดำเนินธุรกิจขนส่ง ทั้งยังเป็นต้นแบบในการช่วยลดมลภาวะทางอากาศ และสอดคล้องกับทิศทางนโยบายของภาครัฐที่มีการสนับสนุนให้เกิดการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า และนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)
สำหรับรถหัวลากพลังงานไฟฟ้าของ NEX มีความยาว 7,395 มม. กว้าง 2,550 มม. และสูง 3,140 มม. รัศมีวงเลี้ยงแคบสุด 9.3 เมตร น้ำหนักรถเปล่า 9,550 กก. สามารถบรรทุกน้ำหนักรวม 50,500 กก.ความเร็วสูงสุดมากกว่า 100 กม.ต่อชั่วโมง อัตราความเร็วที่ประหยัดพลังงาน 50-60 กม.ต่อชั่วโมง แบตเตอรี่ เป็นลิเธียม-ไอออน ฟอสเฟต ความจุแบตเตอรี่มี 2 รูปแบบคือ ขนาด 282.64 kwh วิ่งได้ 200-250 km ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง และแบตเตอรี่ขนาด 423 kwh วิ่งได้ 350-400 km ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ซึ่งจะรองรับระบบ Fast charge ทั้งสองรูปแบบ
ด้านนายบดินท ตัณฑไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี ทรานสปอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือ JWD กล่าวว่า JWD เป็นบริษัทมหาชนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯเรามีนโยบายเรื่อง Green Logistics มาประมาณ 3 ปี และได้ศึกษาเรื่องรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาโดยตลอด ทางบริษัทฯ ได้เทียบเคียง 3-4 แบรนด์ในเมืองไทย พร้อมทั้งขอรถหัวลากจาก 2-3 บริษัท มาศึกษาว่าสามารถลดต้นทุนได้เท่าไหร่ ผลการทดสอบรถหัวลากพลังงานไฟฟ้าช่วยลดดค่าเชื้อเพลิงได้มากกว่าการใช้น้ำมันของเครื่องยนต์ดีเซลถึง 68% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 5 ล้านบาทต่อปี
“อีกทั้งยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 585 ตันต่อปีอีกด้วย ทางบริษัทฯ จึงตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะทำ Green Logistics ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยเบื้องต้นจะนำมาทดสอบกับการใช้งานจริง ประมาณ 10-15 คัน และภายใน 3 ปี บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายอย่างน้อย 30% ของจำนวนรถที่มีทั้งหมด และคาดว่าภายใน 10 ปี จะทยอยปรับเปลี่ยนเป็นรถหัวลากของ JWD เป็นรถหัวลากพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด”
นายบดินท ย้ำอีกว่าธุรกิจโลจิสติกส์เปรียบเสมือนฟันเฟืองสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของกิจการ ในสถานการณ์ปัจจุบันมีปัจจัยต่าง ๆส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบธุรกิจให้ตระหนักถึงความสำคัญของงานบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
“JWD ถือเป็นบริษัทแรกๆในเมืองไทยที่จัดซื้อรถหัวลากที่เป็นพลังงานไฟฟ้า 100% มาใช้งานจริง ซึ่งนอกจากจะช่วยในเรื่องการลดต้นทุนแล้วยังตอบโจทย์ในเรื่องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรของบริษัท รวมถึงยังเป็นต้นแบบที่ดีของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ด้วยการผลักดันแนวคิดกรีนโลจิสติกส์ให้เป็นจริง เพื่อนำไปสู่แนวคิดการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน”