“ศักดิ์สยาม”ตรวจสุวรรณภูมิเตรียมพร้อมรับประชุมเอเปค

0
85

ศักดิ์สยาม “หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ร่วมตรวจเยี่ยมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เช็กระบบเตรียมความพร้อมรองรับประชุมเอเปค เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้เร่งแก้ปัญหาความแอแออัดของผู้โดยสารในพื้นที่ท่าอากาศยานตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งจากการตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมการให้บริการผู้โดยสารขาเข้าและขาออกในวันนี้ ได้ตรวจความพร้อมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในขั้นตอนการให้บริการและการอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร ให้กระบวนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มีความคล่องตัวและให้บริการได้รวดเร็ว สำหรับจุดตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้มีการประสานการทำงานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอย่างใกล้ชิดเพื่อบริหารจัดการการให้บริการผู้โดยสารเป็นไปด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น

โดยเน้นย้ำให้ ทอท. วิเคราะห์คาดการณ์ปริมาณความต้องการการเดินทางและเที่ยวบินที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรต่าง ๆ ให้การบริการเกิดความสะดวกรวดเร็วแก่ผู้เดินทาง และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีจำนวนเที่ยวบินหนาแน่น เพื่อลดความแออัดของจำนวนผู้โดยสารในท่าอากาศยาน

สำหรับพื้นที่ผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีช่องตรวจอนุญาต ทั้งสิ้น 119 ช่องตรวจ แบ่งเป็นโซนตะวันออก จำนวน 56 ช่องตรวจ สามารถระบายผู้โดยสารได้ 3,360 คน/ชม. โซนกลาง จำนวน 20 ช่องตรวจ สามารถระบายผู้โดยสารได้ 1,200 คน/ชม. โซนตะวันตก จำนวน 43 ช่องตรวจ สามารถระบายผู้โดยสารได้ 2,580 คน/ชม.

นอกจากนี้ มีเครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ จำนวน 32 เครื่อง แบ่งเป็น ขาเข้า จำนวน 16 เครื่อง ขาออก จำนวน 16 เครื่อง นอกจากนี้ ได้จัดทำเสากั้นทางเดินเพื่อจัดระเบียบพื้นที่ไม่ให้เกิดความแออัดของผู้โดยสารขณะรอรับบริการในขั้นตอนต่าง ๆ รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่มอนิเตอร์เพื่อบริหารจัดการให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจากการตรวจพบว่าดำเนินการได้รวดเร็วขึ้นสามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารได้เพียงพอ พร้อมเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรักษามาตรฐานการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพในชั่วโมงเร่งด่วน ซึ่งมีเที่ยวบินขาเข้าจำนวนมาก ทั้งนี้จากการตรวจติดตามการดำเนินงานทุกขั้นตอนพบว่าดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถบริหารจัดการได้ดี ไม่มีปัญหาใด ๆ

ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ประชุมการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการให้บริการผู้โดยสารขาข้าและขาออก รวมทั้งการเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) หรือเอเปค 2022 (APEC 2022) ระหว่างวันที่ 14 – 19 พฤศจิกายน 2565 ร่วมกับกรมท่าอากาศยาน สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และท่าอากาศยานภายใต้การกำกับดูแลของ ทอท. ทั้ง 6 แห่ง ประกอบด้วย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้เตรียมความพร้อมด้านสถานที่ บุคลากร และขั้นตอนการให้บริการ

พร้อมกับแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อบูรณาการระหว่างหน่วยงานของกระทรวงคมนาคม กระทรวงต่างประเทศ กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต เพื่อดำเนินการเตรียมความพร้อมและอำนวยความสะดวกด้านคมนาคมขนส่งให้แก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้เพิ่มช่องตรวจอนุญาต จำนวน 19 ช่องตรวจ เพื่อรองรับผู้ข้าร่วมประชุม ผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC 2022

โดยแบ่งเป็น โซนตะวันออก จำนวน 8 ช่องตรวจ (AE1 – โซนกลาง จำนวน 4 ช่องตรวจ (AM17 – 20) และโซนตะวันตก จำนวน 7 ช่องตรวจ (AW1 – 7) รวมทั้งมอบให้ ทอท. จัดทำคลิปสั้นเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ใช้บริการท่าอากาศยานทราบในทุกช่องทาง ทั้งภายในและภายนอกประเทศ

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมเรื่องหลุมจอดอากาศยานขนาดกลางและขนาดใหญ่ของคณะผู้นำเขตเศรษฐกิจ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้เตรียมความพร้อมหลุมจอดอากาศยาน เพื่อรองรับอากาศยานของคณะประมุขและผู้นำประเทศที่เดินทางเข้าร่วมประชุม APEC จำนวน 120 หลุมจอด โดยสามารถให้อากาศยานของคณะฯ พักค้างคืนที่หลุมจอดฯ สำหรับเที่ยวบินพาณิชย์ จำนวน 4 ลำ และสามารถจอดพักค้างคืนบนพื้นที่จอดอากาศยานเฉพาะ จำนวน 16 ลำ (รวมทั้งหมด จำนวน 20 ลำ) ทั้งนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสามารถบริหารจัดการได้โดยไม่กระทบต่อการให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์อื่น ๆ ในส่วนท่าอากาศยานดอนเมือง ได้เตรียมความพร้อมหลุมจอดอากาศยาน จำนวน 101 หลุมจอด โดยสามารถให้อากาศยานของคณะฯ พักค้างคืนที่หลุมจอดฯ จำนวน 17 หลุมจอด พร้อมกับมอบหมายให้ ทอท. ประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาขนาดอากาศยานและขนาดพื้นที่ในการรองรับให้เหมาะสม โดยเน้นย้ำต้องให้ความสำคัญกับทุกเขตเศรษฐกิจ และดูแลอย่างเต็มที่ทั้งขาเข้าประเทศและขาออกประเทศ รวมทั้งการให้บริการ Ground Handing แก่อากาศยานของผู้นำ การให้พนักงานบริการประจำห้องรับรองพิเศษ การยกเว้นค่าธรรมเนียมต่าง ๆ

โดยมอบหมายให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ดำเนินการบริหารจัดการความคล่องตัวของการจราจรทางอากาศ (Air Traffic Flow Management) ในช่วงเวลาการให้บริการเที่ยวบิน VIP และพิธีการต้อนรับภาคพื้นดิน การบริหารจัดการจราจรทางอากาศ และห้วงอากาศบริเวณพื้นที่ประชุม รองรับมาตรการรักษาความปลอดภัยของหน่วยงานความมั่นคง ทั้งในกรณีปกติและฉุกเฉิน พร้อมจัดรถโดยสารสาธารณะเพื่อเชื่อมโยงการเดินทางจากท่าอากาศยานไปยังจุดหมายปลายทางของผู้โดยสาร

โดยมอบ ทอท. ประสานรายละเอียดกับกระทรวงการต่างประเทศเพิ่มเติม โดยดำเนินการทุกขั้นตอนต้องเป็นไปตามหลักการและกฎระเบียบ ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เพิ่มความถี่และความเข้มงวดในการตรวจตราทั้งในพื้นที่เขตการบิน (Airside) และพื้นที่สาธารณะ (Landside) โดยปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหาร

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลการตอบรับเข้าร่วมในแต่ละเขตเศรษฐกิจมีข้อเสนอในการขอให้รักษาความปลอดภัยที่แตกต่างกัน กระทรวงคมนาคมจึงขอให้กระทรวงการต่างประเทศรวบรวมข้อมูลข้อเสนอการรักษาความปลอดภัยในแต่ละเขตเศรษฐกิจ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับรองต่อไป