รมว.ยุติธรรม โชว์ผลงานเด่นปี 65 “ไกล่เกลี่ยหนี้”

0
75

รมว.ยุติธรรม แถลงโชว์ผลงานปี 65 ช่วยไกล่เกลี่ยหนี้ 92,531 ราย ทุนทรัพย์ 22,281 ล้านบาท ทำกฎหมายสำเร็จเกือบ 10 ฉบับ พร้อมสร้างความปลอดภัยให้สังคม มีศูนย์ JSOC สร้างนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ เล็งร่างกฎหมายเพื่อเกษตรกร-ให้ข้าราชการทำงานช่วย ปชช.มากขึ้น ชี้ต้องกล้าคิดกล้าทำ ช่วยลบคำสบประมาท

เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2565 เวลา 13.00 น. ที่กระทรวงยุติธรรม มีการจัดงาน แถลงผลการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรม ประจำปี 2565 โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมต่างๆ ผู้บริหาร และข้าราชการร่วมงาน

โดยบรรยากาศภายในงาน หน่วยงานสังกัด ได้จัดบูธนิทรรศการแสดงผลงานตลอดปีที่ผ่านมา โดยมีผลงานที่น่าสนใจ อาทิ การเสนอแก้ไขกฎหมาย 22 ฉบับ ความช่วยเหลือตามภารกิจกองทุนยุติธรรม การจัดตั้งศูนย์คุมประพฤติภาคประชาชน การเฝ้าระวังการกระทำผิดซ้ำด้วยกำไล EM การออก พ.ร.บ.ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท การเสนอร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต รางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ระดับดีเด่น ปี 2565 การสร้างเครือข่ายอาชีพเพื่อรองรับการคืนสู่สังคมของเด็กและเยาวชน การดำเนินคดีแชร์ลูกโซ่ Forex3D การออกกฎหมายป้องกันการกระทำผิดซ้ำ และการใช้เทคโนโลยีด้านสารพันธุกรรมในการสืบสวนทางคดีและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เป็นต้น



นายวัลลภ กล่าวถึง แนวทางการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรมใน ปี 2566 ว่า ภายใต้การนำของนายสมศักดิ์ฯ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีความมุ่งมั่นตั้งใจและทำงานเชิงรุก ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน และในปีถัดไปกระทรวงยุติธรรมก็จะมุ่งมั่นตั้งใจเช่นเดียวกัน โดยจะๆดำเนินการตามแผนปฏิบัติราชการ 4 ดี ประกอบด้วย กฎหมายดี บังคับใช้ดี เข้าถึงดี และส่งเสริมคนดี เพื่อให้เกิดสังคมเป็นธรรม ทุกคนเท่าเทียม โดยเฉพาะเรื่องกฎหมายที่ดี ที่ท่านรัฐมนตรี เน้นย้ำเพื่อให้ตอบโจทย์ปัญหาในหลายเรื่อง  ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเสนอร่างกฎหมายดีๆ กว่า 10 ฉบับ ผ่านแล้ว 7 ฉบับ กำลังพิจารณาอีก 3 ฉบับ ทั้งนี้กระทรวงยุติธรรมยังมองถึงบทบาทในอนาคต ว่าจะเข้าไปส่งเสริมด้านกระบวนการยุติธรรมในด้านอื่นๆด้วย รวมถึงการให้ข้าราชการมีความตั้งใจและสามารถให้บริการกับประชาชนได้สะดวกมากขึ้น

ด้าน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การทำงาน ต้องมีการวางแผนงาน ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม เมื่อเราเห็นแล้วว่ามีงานอะไร เราก็ต้องดูว่ามีเครื่องมืออะไรบ้าง โดยเครื่องมือที่สำคัญของกระทรวงยุติธรรม คือ กฎหมาย ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ตนอยู่กระทรวงยุติธรรม ได้ทำกฎหมายสำเร็จไปแล้ว 7 ฉบับ อยู่ระหว่างรอบังคับใช้อีก 3 ฉบับ และวันข้างหน้าหากตนหมดวาระไปแล้ว ก็ต้องมีเครื่องมือที่ให้ข้าราชการยังทำงานต่อไปได้โดยสะดวก โดยตนได้พูดคุยกับท่านปลัดกระทรวงว่า จะมีการทำกฎหมายที่ช่วยให้ข้าราชการทำงานได้เต็มที่ และกฎหมายที่เกี่ยวกับเกษตรกร โดยเฉพาะการเลี้ยงสัตว์ ที่ในต่างประเทศมีแต่บ้านเรายังไม่มี ตนเคยเป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง ตอนมาที่นี่ครั้งแรกก็ได้รับคำปรามาสมากมาย แต่หากเราเข้าใจงาน กล้าคิด กล้าทำ ก็จะลบคำสบประมาทเหล่านั้นได้ และตนเป็นนักบริหาร สามารถออกกฎหมายได้เร็วกว่านักกฎหมาย เพราะมีความเข้าใจในกระบวนการ

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนของงานของกระทรวงยุติธรรมในปี 2565 เราได้มีการจัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน หลังจากที่รัฐบาลประกาศให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้ไขหนี้สินครัวเรือน กระทรวงยุติธรรม โดยกรมบังคับคดี และ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้บูรณาการ จัดงานมหกรรมการไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน เพื่อช่วยแก้ปัญหาหนี้สินให้กับประชาชน โดยจัดงานไกล่เกลี่ย มาแล้ว ทั่วประเทศทั้งหมด 78 ครั้ง ไกล่เกลี่ย สำเร็จถึง 92,531 ราย มูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 22,281 ล้านบาท และสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชน ทั้งค่าธรรมเนียมศาล ทนายความ ได้ถึง 6,954 ล้านบาท ซึ่งเราไม่ได้หวังที่จะช่วยให้ได้ทุกคน แต่หวังว่ากระทรวงอื่นๆจะตื่นตัว ลุกขึ้นมาทำงานในลักษณะนี้เพื่อช่วยเหลือประชาชน นอกจากนี้ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับสังคม สำนักงานกิจการยุติธรรม ได้ผลักดันแก้กฎหมายที่สำคัญ เช่น พ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง ผู้กระทำผิดในคดีเกี่ยวกับเพศ หรือ รุนแรง หลังพ้นโทษ ต้องถูกเฝ้าระวังด้วยการใส่กำไลอีเอ็ม เป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี เพื่อลดปัญหาการกลับไปกระทำผิดซ้ำ ซึ่งกฎหมายอยู่ระหว่างการรอประกาศใช้

นายสมศักดิ์ ยังกล่าวว่า นอกจากนี้ เรายังมี พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จําเลยในคดีอาญา ช่วยประชาชนไปแล้ว 7,540 ราย เป็นเงิน 382 ล้านบาท และพ.ร.บ.กองทุนยุติธรรม ที่จะช่วยเหลือประชาชนที่ไม่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี ให้คำปรึกษากฎหมาย และมีทนายช่วยเหลือ โดยปีงบประมาณ 2565 มีประชาชน ได้อนุมัติความช่วยเหลือไป 2,458 ราย รวมเป็นเงิน 310 ล้านบาท โดยตนอยากให้ประชาชนมาใช้บริการกันเยอะๆ เพราะส่วนใหญ่คนไม่ค่อยรู้ โดยเราจะเร่งประชาสัมพันธ์ให้มากกว่านี้ สำหรับกรมราชทัณฑ์ ได้ส่งเสริมการจ้างงานผู้ต้องขัง เพื่อสร้างโอกาสคืนคนดีสู่สังคม และช่วยให้มีเงินทุนไปประกอบอาชีพหลังพ้นโทษ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการกลับไปกระทำผิดซ้ำ นอกจากนี้ ยังขับเคลื่อนนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ เพื่อฝึกอาชีพ และหางานให้ผู้ต้องขัง โดยมีการนำร่องไปแล้ว จำนวน 4 เรือนจำ และกำลังขยายไปยังเรือนจำทั่วประเทศ

“ในส่วนของปัญหายาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ได้เดินหน้าแก้ปัญหาแบบเชิงรุก โดยเน้นการยึดทรัพย์สินของเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด เพื่อตัดวงจรการค้ายา ตามประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ โดยสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ในการปราบปรามยาเสพติด ที่สามารถยึดทรัพย์เครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดในปี 2565 ได้ถึง 1 หมื่นล้านบาท จากในอดีตยึดได้เพียงไม่เกินปีละ 600 ล้านบาท โดยพรุ่งนี้จะมีการแถลงข่าวให้ทุกท่านได้ทราบ ที่สำนักงาน ป.ป.ส.” นายสมศักดิ์ กล่าว