สืบเนื่องจากภาพเหตุการณ์ผู้โดยสารแออัดรอคิวเช็คอินบริเวณหน้าเคาน์เตอร์นานกว่า 3 ชั่วโมง ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.65 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการรอนานกว่าปกติไม่ธรรมดา บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นกับผู้โดยสาร
ทั้งนี้ บริษัทไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้ดำเนินการมาตรการเร่งด่วน เพื่อความสะดวกแก่ผู้โดยสารทุกท่านขณะเกิดเหตุ และยืนยันไม่มีผู้โดยสารพลาดการเดินทาง อย่างไรก็ตาม บริษัทขอน้อมรับด้วยความขอบคุณยิ่งสำหรับคำแนะนำ และข้อคิดเห็นของผู้โดยสารทุกท่าน ที่เป็นห่วงและกรุณาให้คำแนะนำ บริษัทจะนำไปปรับปรุง เพื่อยกระดับการส่งมอบประสบการณ์ในการเดินทางของผู้โดยสารทุกท่านต่อไป
ล่าสุด อดีตพนักงานการบินไทย แสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดว่า นับตั้งแต่บริษัทยื่นแผนฟื้นฟูกิจการมีการลดแบบเครื่องบินลง สิ่งที่ตามมาคือลดจำนวนคนลง เพื่อให้สอดคล้องกับแผน และให้เจ้าหนี้เห็นชอบ พนักงานทั้งบริษัทถูกให้ออกเป็นหมื่น
ทั้งที่อยากออกและไม่อยากออก ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ใครไม่ออกก็โดนลดเงินเดือน โดนโยกย้ายไปอยู่ในแผนกอื่นๆ ต้องลดตำแหน่งไปทำงานที่ไม่ถนัด ท้ายสุดแล้ว ก็ต้องออก!! จะเหลือคนทำงานระดับปฏิบัติการไม่กี่คน
ในส่วนงานสนามบิน โดยเฉพาะงานเช็คอินจะจับเอาใครมานั่งก็ไม่ได้ โยกย้ายพนักงานในส่วนงานอื่นมาทำก็ไม่ได้ เรียกว่างานนี้เป็นความรู้ความสามารถเฉพาะด้าน (ความรู้และประสบการณ์ล้วนๆ)
“จะจ้างคนมาเพิ่มในระยะเวลาอันใกล้นี้ก็ลำบาก เพราะต้องมีการอบรม กฎระเบียบและข้อปฏิบัติต่างๆ ของงานเช็คอิน และโดยเฉพาะช่วงโควิดแบบนี้ต้องตรวจเอกสารกันวุ่นวายไปหมด นี่ละปัญหา
ณ วันนี้ การบินไทยจะมาบอกว่าเปิดรับพนักงานใหม่ แบบผ่านบริษัท Outsource (อีกแล้ว) คงจะไม่ทันการณ์”
ดังนั้น การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้นำพนักงานเก่าที่โดนย้ายไปที่อื่น กลับมาช่วยในงานสนามบินก่อน แล้วคืนตำแหน่งคืนเงินเดือนเดิม เขาด้วย (ต้นสังกัดปัจจุบันต้องยินยอม) การบินไทยเป็นเอกชนแล้ว DD สั่งการได้
ถ้ามัวมานั่นงงประชุมนั่งขออนุมัติเพิ่มคน กว่าเรื่องจะอนุมัติกลัวปัญหาจะตามมาอีก (ปัญหาเดิมๆ) สงสารบริษัท สงสารผู้โดยสาร