ประมูลรถไฟฟ้า สายสีส้มส่อเรียกแขกให้งานเข้าอีกรอบ หลัง “ดร.สามารถ”ออกมาเปิดโปงทีโออาร์หมกเม็ด ล็อคสเปกตั้งแต่ในมุ้ง อ้างประกวดราคานานาชาติ แต่ตั้งเงื่อนไขสุดพิสดารตีกันต่างชาติเข้าประมูล แม้แต่บีทีเอสที่เป็นคู่ชิงดำครั้งก่อน ยังมีแนวโน้มถูกเขี่ยตกสเปก เตือนคน รฟม.-กก.คัดเลือก อาจพาเหรดขึ้นเขียง ป.ป.ช.-ศาลอีกระลอก
หลังจาก ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ผู้เขี่ยวชาญด้านวิศวกรรมการขนส่ง และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ออกมาเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลการประมูลหาหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนก่อสร้างและรับสัมปทานรถไฟฟ้า สายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี วงเงินกว่า 1.427 แสนล้านบาทรอบใหม่ ซึ่งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้เปิดขายซองข้อเสนอ (RFT) ไปล่าสุดเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีกำหนดให้เอกชนเข้ายื่นข้อเสนอในวันที่ 27 ก.ค.65 ศกนี้
ดร.สามารถ แฉพิรุธทีโออาร์ล็อกสเปคตั้งแต่ในมุ้ง!
โดย ดร.สามารถ ได้ตีแผ่เงื่อนไขการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มใหม่ว่า ยังคงมีรายการหมกเม็ด ล็อคสเปกตั้งแต่ในมุ้ง ด้วยการปรับเปลี่ยนเกณฑ์คุณสมบัติด้านเทคนิคของผู้ที่จะเข้ายื่นข้อเสนอ ให้ต้องแทคทีมเข้าประมูล ทั้งผู้รับเหมาก่อสร้าง และผู้เดินรถไฟฟ้า (Operator)
โดยกำหนดคุณสมบัติของผู้รับเหมาก่อสร้าง ที่จะเข้าร่วมจะต้องมีประสบการณ์การบริหารการก่อสร้างงานโยธา 3 ประเภทได้แก่ 1. งานออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินด้วยระบบหัวเจาะ มูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท 2. งานออกแบบและก่อสร้างสถานีใต้ดินหรือสถานียกระดับ มูลค่าไม้น้อยกว่า 1,000 ล้าน และ 3.งานออกแบบและก่อสร้างทางวิ่งพร้อมรางแบบไม่ใช้หินโรย มูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ในช่วงระยะ 20 ปีที่ผ่านมา โดยต้องเป็นผลงานที่เปิดให้บริการแล้วเท่านั้น ซึ่งปรากฎว่า มีผู้รับเหมายักษ์ในเมืองไทยที่มีคุณสมบัติครบถ้วนอยู่เพียง 2 รายเท่านั้น คือ กลุ่มบริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเม้นต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD
ขณะที่ผู้รับเหมากลุ่มอื่น ๆ แม้กระทั่งกลุ่มบีเอสอาร์ ที่มี บมจ.บีทีเอส (BTS) และบริษัท ซิโน-ไทยเอ็นจิเนียริ่ง (STECON) ร่วมอยู่ด้วย ก็ยังขาดคุณสมบัติข้อนี้ เพราะผลงานของกลุ่มดังกล่าวที่ดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ส่วนตะวันออกยังอยู่ในระหว่างก่อสร้างยังไม่เปิดให้บริการ จึงไม่สามารถจะนำผลงานมาปรับเข้าเงื่อนไขได้ ขณะที่ผู้รับเหมาต่างชาติอื่น ๆ ทั้งจากจีนและญี่ปุ่นที่ต่างมีโครงการก่อสร้างอยู่ทั่วโลก รวมทั้งโครงการในไทยอย่างรถไฟไทย-จีน หรือรถไฟความเร็วสูง แต่ก็ไม่สามารถจะฝ่าด่านข้อกำหนดผลงานก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินกับรัฐบาลไทยได้ และถึงแม้จะจัดหาผู้ร่วมลงทุนได้ แต่ด้วยระยะเวลาอันกระชั้นชิดไม่ถึง 2 เดือน จึงไม่มีกลุ่มใดเตรียมการได้ทันอยู่ดี
2 ปี กับ TOR “เหล้าเก่าในขวดใหม่”
แหล่งข่าวในวงการรับเหมา เปิดเผยว่า แม้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนฯ จะปัดฝุ่นโครงการนี้กลับขึ้นมาจัดประมูลใหม่ โดยยืนยันว่า การประมูลครั้งใหม่จะเป็นไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพราะมีการเชื้อเชิญคณะผู้สังเกตการณ์จากองค์การต่อต้านคอร์รัปชั่นเข้าร่วมสังเกตการณ์ตามข้อตกลงคุณธรรม แต่คณะผู้สังเกตุการณ์ที่เป็นบุคคลภายนอกเหล่านั้น คงไม่มีทางได้รู้ตื้นลึกหนาบางถึงข้อกำหนดและเงื่อนไข TOR ที่หมกเม็ดกันเอาไว้เหล่านี้ กลายเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ที่หวังประเคนโครงการไปให้กลุ่มทุนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังอยู่ดี
ขณะที่คณะผู้สังเกตการณ์เหล่านี้ ก็คงเป็นได้แค่รับเบอร์แสตมป์ที่คงจะไม่สามารถล้วงลูกทัดทานอะไรได้ เพราะไม่รู้รายละเอียดและไส้ในที่ขบวนการโกงแผ่นดินเหล่านี้หมกเม็ดเอาไว้ และแม้ว่า รฟม. จะป่าวประกาศเป็นการประมูลนานาชาติ(International Competition Bidding : ICB) แต่การกำหนดเงื่อนไขที่ต้องมีผลงานก่อสร้างระบบงานโยธา โดยเฉพาะอุโมงค์ใต้ดินกับรัฐบาลไทย ที่ถือเป็นเงื่อนไขที่เป็น Local content เอาไว้ชนิดกระดิกไม่ได้ จึงทำให้ต่อให้เจรจาดึงเอาผู้รับเหมาจากจีนและญี่ปุ่นที่มีผลงานก่อสร้างอยู่ทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย ก็ไม่มีทางผ่านเงื่อนไขด้านเทคนิคข้อนี้ไปได้
“ระยะเวลาที่ประเทศต้องสูญเสียไป กับการปรับปรุงแก้ไข TOR ใหม่ เพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าต่อไปได้นั้น กล่าวได้ว่ากลายเป็นความสูญเปล่าและสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศโดยแท้ เพราะสุดท้ายแล้วเงื่อนไขการประมูล RFP ที่ รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือก ดำเนินการไปนั้น ก็ยังคงมีความพยายามล็อคสเปกตั้งแต่ในมุ้ง เพื่อหวังประเคนโครงการนี้ไปให้กลุ่มทุนกากี่นั้งใกล้ตัวอยู่ดี รฟม.จะอรรถาธิบายต่อสังคมอย่างไรว่า เกณฑ์พิจารณาคัดเลือกใหม่นี้โปร่งใส ตรวจสอบได้และก่อให้เกิดการแข่งขันที่ยังประโยชน์ต่อประเทศชาติ ในเมื่อมันชี้ชัดอยู่แล้วว่า มีกลุ่มรับเหมายักษ์ในประเทศที่มีคุณสมบัติครบถ้วนอยู่เพียง 2 กลุ่มเท่านั้น ที่มีสิทธิ์เข้าประมูล ขณะที่กลุ่มรับเหมาอื่นๆ แม้แต่จากจีนหรือญี่ปุ่นที่มีผลงานก่อสร้างรถไฟฟ้าและรถไฟความเร็วสูงทั่วโลกก็ยังไม่ผ่านสเปก”
เชื่อคู่ปรับเก่า “บีทีเอส” ฟ้องกราวรูดอีก!
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า โดยปกติแล้วในการปรับปรุงร่างเงื่อนไขประมูลหรือทีโออาร์นั้น ตัวองค์กรและที่ปรึกษาที่ดำเนินการยกร่าง TOR จะต้องดำเนินการทดสอบ หรือ Test ว่า หากกำหนดเงื่อนไขออกไปแบบนี้ จะมีบริษัทรับเหมาก่อสร้างหรือโอปอเรเตอร์กี่ราย กี่บริษัทเข้าร่วมประมูลแข่งขันได้บ้าง ทั้งไทยและต่างประเทศ หากเห็นว่า ทีโออาร์ที่ออกไปนั้นเข้มงวดเกินไปหรือทำให้ยากแก่การแข่งขัน ก็จะต้องดำเนินการปรับปรุงเพื่อให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น
“หากพิจารณาหลักเกณฑ์ประกวดราคาครั้งใหม่ที่แม้จะดูเปิดกว้างเป็นการประกวดราคานานาทชาติ ( ICB) โดยที่ รฟม.ยังคงกำหนดเงื่อนไขผลงาน Local content เพื่อตีกันกลุ่มผู้ยื่นข้อเสนอบางรายไม่ให้เข้าร่วมประมูลได้นั้น จึงเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว จะทำให้เส้นทางการประมูลโครงการนี้ อาจเผชิญปัญหาอีกครั้ง เพราะการกำหนดเงื่อนไข Local Content ดังกล่าว อาจขัดระเบียบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการประกวดราคานานาชาติ (ICB) ได้ และเชื่อว่า หากคณะกรรมการประกวดราคาชี้ขาดให้กลุ่ม “บีเอสอาร์” ที่เคยเข้าร่วมประมูลมาก่อนไม่ผ่านคุณสมบัติด้านเทคนิค คงเผชิญคำถามและข้อกังขาจากผู้คนในสังคมว่า เหตุใดกลุ่มผู้รับเหมาดังกล่าวที่เคยผ่านการพิจารณาคัดเลือกมาก่อนจึงตกสเปคไปได้ และเชื่อว่ากลุ่มบีทีเอคงใช้สิทธิ์ร้องเรียน และฟ้องคดีที่ถูกละเมิดต่อศาลปกครอง และศาลอาญาคดีทุจริตฯ อีกครั้ง เพราะเป็นการกำหนดเงื่อนไขที่มีเจตนากีดกันการประมูลอย่างชัดเจน”
กับข้ออ้างของ รฟม. และกรรมการคัดเลือกฯ ที่ว่า จำเป็นต้องเพิ่มข้อกำหนดและเงื่อนไขด้านเทคนิคเข้มข้น เพราะเป็นโครงการใหญ่ที่มีความซับซ้อน ต้องมีการก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินลอดผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา จึงจำเป็นต้องมีการกำหนดเกณฑ์ประสบการณ์ด้านเทคนิคที่มีความเข้มข้นนั้น รฟม. คงลืมไปว่า ก่อนหน้านี้ในการประมูลโครงการรถไฟฟ้า สายสีน้ำเงิน และสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ที่ รฟม. ดำเนินการไป ในช่วงระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมา แม้จะไม่มีการกำหนดเงื่อนไขผลงานก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินในลักษณะเช่นนี้มาก่อน แต่ รฟม. ก็สามารถจัดหาผู้รับเหมาที่สามารถก่อสร้างโครงการได้บรรลุวัตถุประสงค์ ตามขอบเขตงานที่วางไว้ได้