เปิด4เหตุทำไม?“เจ๊เกียว’ขายกิจการเชิดชัยทัวร์ ปิดตำนาน65ปีเจ้าแม่รถทัวร์เมืองไทย

0
377

เป็นข่าวใหญ่(9พ.ค.65)เต็มหน้าสื่อในทุกแพลตฟอร์มสะเทือนวงการธุรกิจรถทัวร์หลังขาใหญ่แห่งยุทธจักรอย่าง“เจ๊เกียว-สุจินดา เชิดชัย”นายกสมาคมผู้ประกอบการรถร่วมโดยสาร บขส. และเจ้าของอู่เชิดชัย และบริษัทเดินรถเชิดชัยทัวร์ ยอมยกธงขาวพร้อมประกาศขายกิจการรถทัวร์ที่เคยสร้างชื่อ-เสาหลักค้ำยันอาณาจักรธุรกิจของเจ๊ตลอด 65ปีที่เคยโลดแล่นในวงการนี้

เราไปไล่เลียงคำต่อคำแล้วขมวดออกมาเป็น 4  เหตุหลักว่าทำไมถึงได้ตัดสินใจ“ยอมธงขาว”ประกาศขายกิจการ-โบกมือลาวงการนี้ไปบนเหตุผลที่แกร่ายไม่สามารถ“แบกต้นทุน”ต่อไปได้อีก แถมยัง“ขาดทุนยับ”ต่อเนื่องอะไรเทือกนั้น

1.วิกฤติไวรัสมฤตยูโควิด-19

หากจะบอกว่าวิกฤติไวรัสมฤตยูโควิด-19 เป็นคลื่นสึนามิลูกแรกที่ถาโถมใส่ธุรกิจของเจ๊เกียวก็ไม่ใช่ เพราะแท้จริงแล้วก่อนหน้าที่เจ้าไวรัสมหาประลัยโควิด-19 จะเขย่าขวัญโลก วงการรถทัวร์โดยสารเมืองไทยก็เริ่มออกอาการร่อแร่ 3 วันดี 4 วันไข้มาก่อนหน้านี้แล้ว ทว่า ยิ่งมาผสมโรงวิกฤติโควิด-19ที่พ่นพิษถึง3ขวบปีก็ยิ่งกระทืบซ้ำวงล้อธุรกิจรถทัวร์ให้“หายใจรวยริน”หนักกว่าเดิม ทั้งจากการประกาศล็อคดาวน์ห้ามเดินทางทั่วประเทศในรอบแรก

ต่อมาแม้จะผ่อนคลายมาตรการลงแต่ก็ยังคุมเข้มการเว้นระยะห่างทางสังคม ผู้ประกอบการลดเที่ยววิ่งลง ขณะที่รถทัวร์ 1 เที่ยวไม่สามารถบรรจุที่นั่งผู้โดยสารได้เต็ม 100 % เพราะต้องเว้นระยะห่างที่นั่ง ประกอบกับผู้โดยสารเดินทางลดน้อยลง อีกทั้งประชาชนยังยอมไปซื้อความสะดวก-สบายใจด้วยทางเลือกการเดินทางในโหมดอื่นๆทั้งรถไฟ รถยนต์ส่วนตัว และเครื่องบิน

ทำให้การเดินทางด้วย”รถทัวร์”ไม่ต่างอะไรกับลูกเมียน้อยเป็นเลือกท้ายๆของผู้คน ส่งผลกระทบซ้ำเติมธุรกิจรถทัวร์และห่วงโซ่ให้ยิ่งแย่ลงๆตามลำดับ!

2.พฤติกรรมผู้คนเปลี่ยนไป

และนี่คืออีก 1 คลื่นสึนามิที่เริ่มซัดถล่มวงการรถทัวร์มาก่อนหน้าวิกฤติโควิด-19 จะมาเยือนซะอีก เพราะด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปพฤติกรรมการเดินทางประชาชนก็เปลี่ยนแปลงไป มาถึงยุคหนึ่งการเดินทางด้วยรถทัวร์ไม่ตอบโจทย์ความต้องการและไม่เป็นที่นิยมของประชาชนแล้ว อาจจะด้วยเหตุผลที่มีทางเลือกมากกว่าเดิม หรืออาจจะมองถึงรถทัวร์ไม่มีการยกระดับการพัฒนาทั้งสภาพเก่าๆบริการแย่ๆสภาพแออัดเดิมๆระยะเวลาการเดินทาง และความปลอดภัย

หากพวกเขามีกำลังทรัพย์และมีทางเลือกซื้อความสะดวกสบายที่มากกว่านี้ทั้งเดินทางรถยนต์ส่วนตัวที่นับวันยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นท่ามกลางอุปสงค์อุปทานของผู้คนที่แห่ออกรถยนต์ใหม่หวังตอบสนองไลฟ์สไตล์และความต้องการตัวเอง ไม่ว่าจะเดินทางท่องเที่ยวระยะใกล้หรือไกลในยามเดินปกติ หรือเทศกาลสำคัญก็ตาม แม้จะเผชิญกับสภาพรถติดวินาศสันตะโรขนาดไหนก็ยิ่งดีกว่าไปทนนั่งรถทัวร์ในสภาพที่พวกเขาไม่พึงประสงค์

3.สายการบินโลว์คอส์ตผุดยังกะดอกเห็ด

นี่คืออีก 1 คลื่นสึนามิที่ซัดถล่มวงการรถโดยสารร่วมบขส.ออกอาการเป๋มาก่อนหน้านี้ ด้วยการเกิดขึ้นสายการบินต้นทุนต่ำ (Low-Cost Airlines)ในหลากหลายเส้นทางบินทั่วทุกภูมิภาคประเทศยังกะดอกเห็ด มีการแข่งขันสูงด้วยโปรโมชั่น-ราคาที่ถูกแสนถูกที่ใครๆอยากบินก็บินได้ หนุนทางเลือกผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น เพียงแค่เพิ่มค่าโดยสารอีกนิดหน่อยก็ได้ขึ้นเครื่องบินได้แล้ว จึงไม่แปลกที่เจ๊เกียวแกจะบอกว่านี่คืออีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คน“เลิกขึ้นรถทัวร์”เพราะค่าโดยสารไม่ต่างกันมากแต่ใช้เวลาเดินทางเร็วกว่า

4.น้ำมันแพงกระทบต้นทุน-ขาดทุนยับ

สุดท้ายแล้วคงหนีไม่พ้นวิกฤติพลังงานโลกที่เล่นงานประชาชนคนไทยจนหายใจไม่ทั่วท้องในเวลานี้ ด้วยน้ำมันคือต้นทุนหลักภาคธุรกิจขนส่ง เมื่อน้ำมันแพงขึ้นแต่ผู้ประกอบการไม่สามารถปรับขึ้นค่าโดยสารสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงแล้ว แล้วจะเอากำไรจากไหนมาบริหารจัดการค่าใช้จ่าย นับวันยิ่งจมนับวันยิ่งขาดทุนสะสมแล้วใครหน้าไหนแม้จะได้ชื่อว่า“ขาใหญ่สายป่านยาว”ก็ยากจะต้านพลางประคองธุรกิจให้ไปต่อได้

ทั้งหมดคือ 4 คลื่นสึนามิลูกยักษ์ซัดถล่มธุรกิจรถทัวร์ขาใหญ่แห่งวงการอย่างเจ๊เกียวยอมยกธงขาว-ประกาศขายกิจการ”เชิดชัยทัวร์”เพราะทนแบกต้นทุนต่อไปไม่ไหวแถมปัญหาขาดทุนยับ

ว่ากันว่าภายใต้อาณาจักรเชิดชัยทัวร์มีรถอยู่กว่า 200 คัน ทว่า เหลือรถวิ่งอยู่แค่ 20-30%เท่านั้น อีกประมาณ 70% ต้องหยุดวิ่งจอดรถทิ้งไว้ที่อู่มานานกว่า 2 ปีแล้วเพราะประสบ“ปัญหาขาดทุน”สะสม

หลอมรวมเป็นผลกระทบที่เจ้าแม่รถทัวร์เมืองไทยไม่อาจไปต่อได้จึงตัดสินใจยอมเลิกประกอบธุรกิจรถโดยสาร บขส.โดยจะขายบริษัทเชิดชัยทัวร์ออกไปปิดตำนาน 65ปีที่เคยโลดแล่นบนเส้นทางนี้เพื่อไม่ให้กระทบกับธุรกิจอื่นๆ ที่แม้แกจะบอกว่ารู้สึกเสียดายแต่ในเรื่องธุรกิจหากทำต่อแล้วมีแต่ขาดทุนก็ไม่รู้ว่าจะทำต่อไปทำไม และตอนนี้ลูกๆทั้ง 4 คนก็มีกิจการเป็นของตัวเองหมดแล้ว ทุกคนก็ไม่มีใครอยากสานต่อธุรกิจเดินรถบขส.เพราะมีแต่ปัญหาและกำไรน้อย

“ตอนนี้ตนเองก็อายุ 85 ปีแล้วไม่อยากเหนื่อยกับการต้องทนแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในบริษัทที่ประสบกับปัญหาขาดทุนอย่างนี้อีกต่อไป จึงอยากวางมือกับธุรกิจนี้และทุ่มเทเวลาไปให้กับธุรกิจอื่นๆ ที่ยังอยู่ เช่น ธุรกิจต่อตัวถังรถโดยสาร,ธุรกิจขายรถยนต์ และธุรกิจให้เช่าที่ดิน เป็นต้น”นี่คือคำกล่าวทิ้งท้ายที่เจ้าแม่รถทัวร์เมืองไทยได้หล่นเอาไว้

ว่าแต่ว่าสภาพวงล้อธุรกิจรถทัวร์โดยสารในยามยากส์นี้ ใคร????จะกล้าเสี่ยงซื้อกิจการระดับตำนานนี้จากเจ๊แกไปโม่แป้งต่อ!