ศักดิ์สยาม จี้ รฟท.โอนทรัพย์สินให้บริษัทลูก คาด 30 ปีโกยรายได้ 6 แสนล้าน

0
71

“ศักดิ์สยาม”เร่ง รฟท.โอนทรัพย์สินให้บริษัทลูกบริหารขีดเส้นต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 30 วัน เพื่อเดินหน้าตามเป้าหมาย 30 ปี สร้างรายได้ให้ รฟท. 600,000 ล้านบาท

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทยว่า ขณะนี้ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)ได้รายงานว่าได้มีการส่งมอบพื้นที่ของ รฟท.ให้กับบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ประกอบด้วย ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่มีสัญญาเช่าทั้งสิ้น 15,528 สัญญา แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มที่ดินที่มีสัญญาเช่าเดิม เช่น กลุ่มสัญญาเช่าที่ยังไม่หมดอายุสัญญา และสัญญาเช่าฝ่ายปฏิบัติการเดินรถเป็นคู่สัญญา เป็นต้น 2. กลุ่มพื้นที่ว่าง ซึ่งจะประกอบด้วยโครงการพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่ หรือ กลุ่มพื้นที่ออกจัดประโยชน์ใหม่ เช่น ที่ดินแปลงธนบุรี และที่ดินแปลงหัวหิน (โรงแรม) เป็นต้น และ 3.กลุ่มที่ไม่ส่งมอบให้บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (บริษัทฯ) บริหาร ได้แก่ สัญญาเช่าหน่วยราชการ สัญญาทางเข้า – ออก สัญญาปักเสาพาดสาย และสัญญาลูกค้าขนส่งทางรถไฟ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ตนจึงได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมแต่งตั้ง คณะทำงานประกอบด้วย กรมการขนส่งทางราง(ขร.) สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง ,รฟท. บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการเร่งรัดการส่งมอบพื้นที่ให้แล้วเสร็จ ภายใน 30 วัน

ทั้งนี้ รฟท. และ เอสอาร์ที แอสเสท มีแผนการดำเนินงานเพื่อกำหนดอัตราค่าบริหารดำเนินการ และลงนามในสัญญาจ้าง ซึ่งจะดำเนินการแล้วเสร็จได้ในเดือนกันยายน 65 หลังจากที่มีการลงนามในสัญญาแล้วรฟท. จะเริ่มส่งมอบพื้นที่ให้ เอสอาร์ที แอสเสท โดยประโยชน์ที่ รฟท.จะได้รับ คือ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ลดระยะเวลาการพิจารณาต่ออายุสัญญาเช่าหรือการออกจัดหาประโยชน์ใหม่ ลดต้นทุนการบริหารจัดการด้านบริหารทรัพย์สิน และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีในการบริหารจัดการทรัพย์สิน

นอกจากนั้น เอสอาร์ที แอสเสท ยังได้รายงานผลการดำเนินงานในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาว่าได้มีการดำเนินการวางระบบที่เกี่ยวข้อง ถึงร่างระเบียบ/หลักเกณฑ์ รวมถึงศึกษาแนวทางการพัฒนาพื้นที่โครงการขนาดใหญ่ เพื่อเตรียมการเพื่อบริหารทรัพย์สิน และกำหนดเป้าหมายของการดำเนินธุรกิจ คาดว่าในปี 66 จะมีประมาณการรายได้อยู่ที่ 4,000 ล้านบาท และปี 70จะมีประมาณการรายได้อยู่ที่ 8,000 ล้านบาท และในระยะ 30 ปี จะมีประมาณการรายได้รวม 600,000 ล้านบาท ทั้งนี้รายได้ดังกล่าวจะไม่รวมรายได้จากธุรกิจอื่นๆ จากการตั้งบริษัทลูก

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า เอสอาร์ที แอสเสท ยังได้มีการเริ่มศึกษาโครงการต่างๆ จำนวน 4 โครงการ คือ 1. โครงการโรงแรมรถไฟหัวหิน แต่เนื่องจากปัจจุบันมีการแพร่ระบาดโควิด ส่งผลกระทบโดยตรงกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ จึงจำเป็นต้องทบทวนผลการศึกษาใหม่ และประเมินมูลค่าสิทธิการเช่าปัจจุบันและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงทรัพย์สินอื่นที่เกี่ยวข้องใหม่ ทั้งนี้ จะมีการเร่งรัดการส่งมอบพื้นที่เพื่อให้สอดคล้องกับบริษัทฯ สามารถเจราจากับผู้เช่าได้ เนื่องจากใกล้จะครบกำหนดสัญญา 2.โครงการฝั่งธนบุรี ซึ่งเป็นโครงการที่จะถูกพัฒนาให้เป็นศูนย์ทางการแพทย์ชั้นนำ และสังคมสีเขียว

ทั้งนี้การจัดทำแผนแม่บท 3.โครงการสถานีธนบุรี เอสอาร์ที แอสเสท ได้เสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการและคณะทำงาน จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ในการพัฒนาพื้นที่ และ4.โครงการบางซื่อ ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการศึกษาโครงสร้างของ Smart City Company ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผน และโครงการพื้นที่ตลอดแนวเส้นทางพระรามเก้า (RCA – คลองตัน)