คมนาคมเร่งสำรวจผนังอาคารกรุ๊ปทัวร์สนามบินดอนเมืองถล่ม โดยทอท.จับมือสภาวิศวกรรมฯลงพื้นที่สำรวจ ตั้งคณะทำงาน 2 ชุด ทั้งด้านวิศวกรรมและสัญญาก่อสร้าง ทอท.ประเมินความเสียหายเบื้องต้น 20 ล้านบาท ปิดพื้นที่สำรวจความเสียหาย
นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีกำแพงอาคาร Service Hall (อาคารกรุ๊ปทัวร)สนามบินดอนเมือง เปิดเผยภายหลังการประชุมลงพื้นที่สำรวจและประเมินความเสียหายครั้งแรกว่า จากการลงพื้นที่ครั้งนี้ทาง กระทรวงคมนาคม ได้ร่วมกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน)(ทอท.) สภาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย เข้าสำรวจความเสียหาย เบื้องต้นพบว่าความเสียหายดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างหลักของอาคาร และที่ประชุมจึงได้กำหนดแนวทางในการทำงาน โดยตั้งคณะทำงานขึ้นมา 2 ชุด ประกอบด้วย คณะทำงานตรวจสอบด้านวิศวกรรม และคณะที่ 2 คณะทำงานตรวจสอบด้านสัญญาว่าดำเนินการครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งจะมีการประชุมอีกครั้งวันที่ 29 เม.ย.นี้
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าวทาง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้สั่งการให้ ทอท.ลงพื้นที่สำรวจอาคารทุกอาคารใน 6 สนามบินสังกัด ทอท.ว่ามีความปลอดภัยได้มาตรฐานหรือไม่ ซึ่งการสำรวจอาคารก็เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการใช้บริการของประชาชน ขณะเดียวกันฤดูนี้เป็นฤดูฝน ฝนฟ้าพายุคะนอง จึงไม่อยากให้มีเหตุการณ์ซ้ำรอยดังกล่าวอีก
ด้านนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน)(ทอท.)กล่าวชี้แจงว่า สาเหตุเบื้องต้นของผนังอาคารกรุ๊ปทัวร์ถล่ม เนื่องจากมีฝนฟ้าคะนองตกหนักน้ำเข้ารางน้ำฝนจำนวนมากและคาดว่าน้ำจะไหลไม่ทัน จนทำให้ตัวคานอาคารที่รองรับรางระบายน้ำที่รับน้ำฝนเกิดการบิดตัวขึ้นสองช่วงเสา จนทำให้กำแพงพังลงมา ซึ่งขณะนี้ได้มีการปิดพื้นที่ดังกล่าวจะเข้าสำรวจความเสียหาย และเคลียร์เศษวัสดุออกไป ขณะเดียวกันได้ประสานงานขอความร่วมมือให้วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาสำรวจความเสียหาย กำแพง คานรับน้ำฝน และโครงสร้างหลัก ว่าได้รับผลกระทบหรือไม่
ซึ่งเมื่อมีการสำรวจความเสียหายแล้วหลังจากนั้นทาง ทอท. จะเปิดให้ผู้รับเหมาเข้ามาดำเนินการซ่อมแซมได้ เนื่องจากอยู่ในช่วงประกัน พร้อมตั้งกรอบการดำเนินการ ให้คืนสภาพภายใน 1 สัปดาห์และการก่อสร้างให้แล้วเสร็จก่อนหมดประกัน เบื้องต้นประเมินความเสียหายที่ 20 ล้านบาท จากมูลค่าอาคารทั้งหลังอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาท พร้อมขอให้มั่นใจว่า อาคารผู้โดยสาร 1-2 มีความแข็งแรง ส่วนที่เกิดขึ้นย้ำว่า มีการออกแบบให้รองรับแรงลม แรงพายุอยู่แล้ว แต่เหตุที่เกิดขึ้น ต้องตรวจสอบอีกครั้ง
ส่วนกรณีสัญญาที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีความผิดปกตินั้น นายกีรติ ยืนยันว่า โครงการนี้มีการดำเนินการตั้งแต่ปี 61 ตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง โดยผู้ที่เสนอราคาต่ำที่สุด จะได้มาลงนามกับทอท. แต่ผู้ที่ชนะการประมูลรายแรกไม่ยอมมาลงนาม แม้จะแจ้งให้เข้ามาลงนามเป็นเวลา 4-5 เดือนแล้วจึงยืนยันว่า ไม่ได้นำงานนี้ไปให้อีกบริษัท โดยกรณีนี้มีการตั้งคณะกรรมการอีกชุด เพื่อให้สิ้นข้อสงสัยโดยเฉพาะสัญญานี้
ดังนั้น การซ่อมแซมทั้งเบื้องต้นและระยะยาวเพื่อให้กลับสู่สภาพเดิมต้องเป็นความรับผิดชอบขอบผู้รับจ้าง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการขึ้นแบล็คลิชกับบริษัทดังกล่าว ส่วนจะดำเนินการปรับหรือไม่นั้นต้องไปไปตามผลวิเคราะห์ทางกฎหมายและสาเหตุของความเสียหายที่เกิดขึ้นก่อน แต่เบื้องต้นบริษัทผู้รับเหมาต้องดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมให้อาคารกลับมาปลอดภัยใช้งานได้ตามปกติ โดยภายใน 1 สัปดาห์หลังจากเกิดเหตุพื้นที่ต้องคืนสู่สภาพความปลอดภัยจากนั้นจะดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จก่อนจะสิ้นสุดตามระยะเวลารับประกันตามสัญญาซึ่งมีความจำเป็นต้องเจรจาเพื่อเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสัญญาอีกครั้ง