จังหวัดนครราชสีมา จับมือ พันธมิตรหลายภาคส่วน เตรียมจัดงาน Low carbon city & EV expo 2022 มหกรรมจัดแสดงยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีเมืองคาร์บอนต่ำ ที่ยิ่งใหญ่ครบวงจรครั้งแรกในประเทศไทย หวังสร้างแรงกระเพื่อมร่วมขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม
สืบเนื่องจากประเทศไทยโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมระดับผู้นำบนเวทีโลกในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 26 (COP26) ณ เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ และประกาศเจตนารมณ์พร้อมยกระดับประเทศไทยในการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ทุกวิถีทาง ในขณะที่ประเทศไทยได้ออกแบบนโยบายการยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศ โดยจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ.2065 ส่งผลให้นักวิชาการ ผู้ประกอบการ และภาคประชาสังคม ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา หอการค้าฯ และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา โดยการสนับสนุนจาก หน่วยบริหารจัดการทุนเพื่อการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท) โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) และภาคเอกชนทั้งในส่วนกลางและท้องถิ่น ร่วมจัดงาน “มหกรรมแสดงยานยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ 2022” ภายใต้ชื่องาน “Low carbon city & EV expo 2022” ระหว่างวันที่ 20-22 พฤษภาคม 2565 ณ ลานกิจกรรม ศาลากลาง จังหวัดนครราชสีมา
นายปรเมษฐ์ บันสิทธิ์ ในฐานะกรรมการจัดงานฯ เปิดเผยว่า การจัดงาน Low carbon city & EV expo 2022 เป็นมหกรรมจัดแสดงยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ ครบวงจรเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่รวบรวมนวัตกรรมและเทคโนโลยีพร้อมอุปกรณ์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า และการพัฒนาเมืองคาร์บอนต่ำมาแบบครบวงจร โดยภายในงานจะมีการจัดแสดงนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทุกรูปแบบทั้ง รถส่วนบุคคลไฟฟ้าจากทั้งในและต่างประเทศ ยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ ยานยนต์ไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรม ยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อการเกษตร รวมถึงนวัตกรรมเพื่อการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า อาทิ ระบบแบตเตอรี่ ระบบจ่ายไฟ ระบบโซล่าเซลล์ นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงผลงานเมืองคาร์บอนต่ำและเทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะจากทั่วประเทศอีกด้วย
“การจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้ การยอมรับ และการเข้าถึงกรอบแนวคิดด้านเมืองคาร์บอนต่ำ นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีปราศจากมลพิษในระดับเมือง อีกทั้งร่วมกันสร้างกิจกรรมเพื่อกระตุ้นความร่วมมือและทางเลือกทางสังคมต่ออนาคตด้านการเดินทางและการใช้ชีวิตในสังคมไร้มลพิษ โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างแรงกระเพื่อมในระดับประเทศ ในการยอมรับและเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมจากการใช้ยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในมาเป็นยนต์ไฟฟ้า และสร้างการรับรู้สาธารณะ ในความหลากหลายของกิจกรรมเมืองคาร์บอนต่ำและเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าในทุกมิติ เพราะถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องช่วยกันขับเคลื่อนเมืองด้วยเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำให้เกิดขึ้นจริง เพื่อสอดคล้องกับการตั้งเป้าการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ และการมุ่งสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม” นายปรเมษฐ์ กล่าว
ด้าน นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เน็กซ์พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX ในฐานะผู้สนับสนุนหลัก กล่าวว่า แนวคิดเมืองคาร์บอนต่ำถือเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่จะต้องร่วมแรงร่วมใจผลักดัน เพื่อให้เกิดสภาพความแวดล้อมความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพราะจากข้อมูลของ The World Air Quality Index Project ในปี 2564 พบว่าคนกรุงเทพฯใช้ชีวิตในวันที่ค่าฝุ่น PM2.5 เป็นสีเขียวเพียง 90 วันใน 1 ปี คิดเป็น 24.66% ที่เหลืออีก 200 กว่าวันเป็นสีเหลือง สีส้มและสีแดง แสดงให้เห็นว่าเราอยู่ในสังคมที่ปัญหาฝุ่นพิษค่อนข้างหนักหน่วง ปัจจัยหลักมาจากการใช้ยานพาหนะในการเดินทาง ซี่งรถยนต์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันเป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในที่เป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิด PM2.5 หากเราเปลี่ยนมาเป็นสังคม EV 100% เชื่อว่าปัญหาเหล่านี้จะลดลงและดีขึ้นในอนาคต ซึ่งเรื่องของพลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ NEX ให้ความสำคัญ
“รถที่ NEX จะนำไปจัดแสดงภายในงานจะเป็นรถเชิงพาณิชย์ที่ค่อนข้างหลากหลาย อาทิ รถบัสไฟฟ้า รถหัวลากไฟฟ้า รถสุขาภิบาลไฟฟ้า และรถที่เป็นคิงส์ออฟโรด คือ รถเหมืองแร่ไฟฟ้า ซึ่งเราต้องการจะนำไปโชว์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ ได้เห็นถึงพละกำลังของตัวรถและสมรรถภาพของรถ EV ที่สามารถจะนำมาใช้ทดแทนได้ดีกว่ารถน้ำมัน โดย NEX พร้อมเปิดกว้างให้ทุกคนที่สนใจได้สัมผัสกับรถจริง และหากพื้นที่เอื้ออำนวยเรายินดีจะให้ผู้ที่สนใจได้ขึ้นไปทดลองขับเคลื่อน เพื่อทำความเข้าใจและเปิดใจกับยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งนี้ NEX ยังได้จัดโปรโมชั่นโดยมอบส่วนลดพิเศษ สำหรับลูกค้าที่สนใจสั่งจองหรือตัดสินใจซื้อภายในงาน เพื่อร่วมผลักดันการใช้รถไฟฟ้าตามนโยบายของรัฐบาล” ซีอีโอ NEX กล่าว