พนัส ฟันรายได้ปี 59 ทะลุ 2,000 ล้าน กวาดยอดขาย 3,100 คัน “ก้างปลาและพื้นเรียบ”แชมป์ตลาด!

0
495

พนัส เผยผลประกอบการปี 59 ทะลุ 2,000 ล้านบาท กวาดยอดขาย 3,100 คัน ชี้สินค้าประเภทโลจิสติกส์ฟันกำไรมากสุด ชูรถบรรทุกกึ่งพ่วงก้างปลาและพื้นเรียบยังแกร่งครอง“เจ้าตลาด” ตั้งเป้าปี 60 โตเพิ่ม 20% ดันรถบรรทุกดัมพ์ให้แรงต่อเนื่อง ลั่นเติมเต็มศักยภาพการบริการต่อเนื่องด้วยการเพิ่มศูนย์บริการ Panus S Plus เป็นรูปธรรม ย้ำหลังน้ำลดพร้อมล่องใต้บรรเทาความเดือดร้อนผู้ประกอบการด้วยการ “ตรวจซ่อมฟรีค่าแรง” นำร่องจ.ชุมพร พร้อมเคลื่อนทัพบริการในจังหวัดถัดไปภายในก.พ. ศกนี้

ฟันผลประกอบการปี 59 ทะลุ  2,000 ลบ./ยอดขายพุ่ง 3,100 คัน

คุณณัชชา วงศ์คำภู ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด (PANUS) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯในปี 2559 อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท ถือเป็นปีที่น่าพอใจ แม้จะมีเหตุการณ์ต่าง ๆที่ส่งผลกระทบกับวงการขนส่งในบ้านเรา แต่ด้วยศักยภาพของ PANUS ลูกค้าจึงให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นในสินค้าของเรา เป็นแรงหนุนให้เราสามารถจำหน่ายได้ในจำนวนสูงขึ้นต่อเนื่อง พร้อมกันนี้เรายังไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในการใช้งานที่หลากหลายของลูกค้า

“หน่วยธุรกิจประเภทโลจิสติกส์เป็นหน่วยที่สร้างผลกำไรหลักให้กับบริษัทมากที่สุดในปีที่แล้ว โดยอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท ขณะที่สินค้าที่ครองตลาดอย่างต่อเนื่องมายาวนาน คือ รถบรรทุกกึ่งพ่วงก้างปลาและพื้นเรียบ ซึ่งยอดขายเป็นไปตามคาดการณ์และเกินเป้าที่วางเอาไว้ที่ 3,100 คัน ส่วนแบ่งการตลาดของรถบรรทุกกึ่งพ่วงก้างปลาอยู่ที่ 40% รถบรรทุกกึ่งพ่วงพื้นเรียบอยู่ที่ 28% และในปี 2560 เราคาดการณ์จะมียอดการจำหน่ายสูงขึ้นอีก 20% หรือประมาณ 3,600 คัน”

นอกจากนี้ คุณณัชชา ยังสะท้อนมุมมองต่อภาพรวมตลาดปี 2560 ว่า PANUS ยังหวังแรงกระตุ้นตลาดจากการลงทุนในโครงการก่อสร้างจากภาครัฐ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อภาพรวมการขยายตัวของตลาด และเป็นแรงหนุนกำลังซื้อรถเพื่อการขนส่งของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเปลี่ยนรถใช้ในการขนส่งอย่างเช่นรถหมดสภาพการใช้งาน หรือความต้องการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ที่สามารถตอบโจทย์การบรรทุกสินค้าได้เพิ่มมากขึ้น โดยปีนี้ตลาดขนส่งสินค้าอุปโภคและบริโภคยังคงเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน และเป็นห้วงเวลาที่ดีและสอดรับกับสินค้าของ PANUS ได้ถูกพัฒนาเพิ่มศักยภาพการขนส่งประเภทนี้อีกด้วย  ส่วนภาคภาคเกษตรนั้นยังคงค่อย ๆโตขึ้น

“ส่วนพื้นที่ของตลาดที่เติบโตในปีนี้ PANUS ยังคงมองว่าตลาดในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่อยู่ ถึงกระนั้น เรายังกำหนดแนวนโยบายและกลยุทธ์การตลาดเพื่อมุ่งขยายตลาดและส่งเสริมการขายไปยังภาคใต้และภาคอีสานมากยิ่งขึ้น เพราะคาดการณ์ว่าในปี 60 เศรษฐกิจจะดีขึ้นและส่งผลให้ผู้ประกอบมีกำลังซื้อเพื่อตอบสนองโครงการจากภาครัฐที่กำลังเดินหน้าในปีนี้”

 

รถบรรทุกดัมพ์แรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่

ขณะนี้สินค้าที่น่าจับมองของ PANUS นั้น คุณณัชชา ระบุว่ารถบรรทุกดัมพ์ ทั้ง 6 ล้อ และ 10 ล้อในปีนี้ยังแรงต่อเนื่อง ถือเป็นสินค้าที่เติบโตกว่า 100% ตั้งปี 2558 เป็นต้นมา โดยเราได้วางเป้าไว้ที่รถบรรทุกดัมพ์ 6 ล้อ อยู่ที่ 400 คัน ส่วนรถบรรทุกดัมพ์ 10 ล้อ อยู่ที่ 600 คัน และขณะนี้ไลน์การผลิตรถบรรทุกดัมพ์แล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย เพื่อรองรับปริมาณการสั่งซื้อที่เพิ่มมากขึ้น โดยมีการแบ่งไลน์กันอย่างชัดเจนทั้ง 10 ล้อ และ  6 ล้อ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบด้านการผลิตทางใดทางหนึ่ง

“ส่วนสินค้าประเภทอื่น ๆ คาดว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่นั่นคือ รถบรรทุกกึ่งพ่วงชานต่ำ และรถบรรทุกตู้ผ้าใบ โดยสินค้าที่ถูกพัฒนาล่าสุด คือรถบรรทุกตู้ผ้าใบที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี และมีแนวโน้มลูกค้าที่ใช้รถประเภทนี้จะมีมากขึ้น ซึ่งสินค้าของ PANUS มีด้วยกันหลากหลายประเภท เช่น แบบสไลด์ , แบบเปิดปี , เปิดแบบเลื่อนโครงหลังคาออกทั้งหมดทั้งโครงตู้ และล่าสุดคือ เปิดด้านบนหลังคา  รวมไปถึงการสร้างตู้ตามความต้องการให้มีน้ำหนักเบาขึ้น และนอกเหนือจากนี้ยังมีสินค้าประเภทตู้อลูมิเนียมเพื่อรองรับลูกค้าประเภทงานน้ำหนักเบา”

สำหรับรถบรรทุกกึ่งพ่วงชานต่ำเมื่อปีที่ผ่านมาทาง PANUS มีการพัฒนารถประเภทนี้และได้การยอมรับเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุกดัมพ์สเปคพิเศษที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายเครื่องจักรหนัก ที่สามารถอำนวยความสะดวกกับผู้ประกอบ มีการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาเสริมไม่ว่าจะเป็นสะพานท้ายแบบไฮโดรลิค สะพานท้ายแบบปรับขนาดความกว้างได้ โดยเป็นนวัตกรรมใหม่ที่นำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมและที่สำคัญสามารถจดทะเบียนได้ซึ่งผู้ประกอบการขนส่งจะหมดกังวลเรื่องตรงจุดนี้อย่างแน่นอน

 

เคลื่อนทัพบรรเทาผู้ประกอบการในตพื้นที่น้ำท่วมภาคใต้

อย่างไรก็ดี คุณณัชชา ปิดท้ายด้วยโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ว่าปีนี้ยังคงขยายงานบริการอย่างต่อเนื่องภายใต้ “โครงการ Panus S Plus” ให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ ซึ่งเราได้มีการติดต่อเพิ่มเติมกับดีลเลอร์รถใหญ่เพื่อให้ร่วมในโครงการนี้ และที่สำคัญในช่วงนี้เนื่องจากภาคใต้ประสบอุทกภัย และได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง  PANUS เองก็ไม่อาจอยู่นิ่งกับเหตุการณ์ดังกล่าว เราจึง เห็นสมควรอย่างยิ่งที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ประสบปัญหารถได้รับความเสียหากจากสถานการณ์น้ำท่วม  เพื่อเป็นการยืนยันว่าว่าเราจะไม่ทอดทิ้งลูกค้า โดยจะส่งหน่วย “โมบายเซอร์วิส” ตั้งศูนย์ตรวจเช็ครถสำหรับผู้ที่เดือดร้อนฟรีค่าแรง โดยนำร่องก่อนที่ จ.ชุมพร และจะค่อยเคลื่อนที่ไปตามจังหวัดอื่น ๆ ในภาคใต้ต่อไป ตั้งแต่วันที่ 1-4 ก.พ. ศกนี้