เรียกได้ว่าเป็นอุบัติเหตุชนสนั่นหวั่นไหว!วินาที“รถทัวร์มรณะ”พุ่งชนตอม่อสะพานต่างระดับ ทล.2ขาเข้ากทม.ฝั่งตรงข้ามโรบินสันสระบุรี มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ5ราย และบาดเจ็บระนาว 24 คน ต่อมามีผู้เสียชีวิตที่รพ.เพิ่มอีก 3 รายรวมเป็น 8 ราย ซึงเป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายของวันที่12มี.ค.65ที่ผ่านมา
หลายคนที่ติดตามข่าวสารที่ถูกเผยแพร่ในทุกช่องทางสื่อสารกับเคสนี้ต้องร้องเสียงหลงแน่นอนหลังเกิดอุบัติเหตุ ถือเป็นอุบัติเหตุเขย่าขวัญผู้ใช้รถใช้ถนนโดยเฉพาะผู้ใช้บริการรถโดยสายสาธารณะประจำทาง ด้วยแรงเหวี่ยงชนสนั่นหวั่นไหวทำให้มีผู้โดยสารบางส่วนกระเด็นออกมานอกตัวรถนอนกระจายเกลื่อนอยู่บนพื้นถนน ขณะที่ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ภายในซากรถอีกเป็นจำนวนมาก
จากข้อมูลเบื้องต้นรถทัวร์คันดังกล่าวเป็นรถทัวร์ 2 ชั้น สายกรุงเทพฯ – สุวรรณภูมิ หมายเลขข้างรถ ม.4พ 935-2 สีฟ้าขาว ทะเบียน 10-4428 ร้อยเอ็ด ออกจากต้นทางสถานีขนส่งอำเภอพนมไพร จ.ร้อยเอ็ด เวลา 07.06 น. ปลายทางสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร)
ดูจากคลิปที่มีผู้บันทึกไว้ได้รถคันกล่าววิ่งมาในเลนขวาสุดพอมาถึงจุดเกิดเหตุรถได้เกิดเสียหลักพุ่งชนเกาะกลางถนน,เสาไฟฟ้า,ป้ายสัญญาณกระเด็นพังเสียหายก่อนพุ่งทะยานไปชนตอม่อสะพานเต็มแรง ทำให้รถทัวร์ทางด้านขวายุบหายไป มีผู้บาดเจ็บติดอยู่ภายในรถจำนวนหนึ่ง ส่วนหนึ่งกระเด็นออกจากตัวรถ สภาพรถทั้งคันพังยับเยิน
หลายคนสงสัยว่าสาเหตุมาจากการหลับในหรือไม่?อย่างไร?
จากการสอบถามคนขับทราบว่ารถคันนี้มีคนขับ 2 คนสลับมือกันขับ (คนขับอีกหนึ่งคนได้รับบาดเจ็บสาหัส) ให้ข้อมูลว่าขณะขับมามีเสียงดังแป้กแล้วไม่สามารถควบคุมรถได้ คาดว่าน่าจะมาจากยางล้อด้านหน้าเสื่อมสภาพ และสภาพถนนมีความร้อน ประกอบกับเดินทางไกลจึงเกิดระเบิด ส่งผลให้เกิดเสียหลักแล้วพุ่งชนตอม่อสะพาน พร้อมกับยืนยันไม่ได้หลับในแต่อย่างใด
ขณะที่ข้อสงสัยรถคันดังกล่าวใช้ความเร็วเกินกม.กำหนดหรือไม่?จากการตรวจสอบระบบ GPSของกรมขนส่งฯพบข้อมูลความเร็วสุดท้าย ณ เวลา 14.44 น.ที่ความเร็ว 89 กม./ชม.(ไม่เกินกม.กำหนดไว้ที่ 90กม./ชม.)
ส่วนข้อมูลอื่นๆมีใบอนุญาตประกอบการขนส่งโดยสิ้นอายุวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 ใบขับขี่พนักงานขับรถทุกประเภทชนิดที่ 2 สิ้นอายุวันที่ 9 กรกฎาคม 2565 และประกันภัยภาคบังคับและภาคสมัครใจยังมีอายุคุ้มครอง สรุปวงเงินกรณีเสียชีวิตรวม 1,1000,000 บาท
ต้องติดตามต่อไปแท้จริงอุบัติเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้เกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่!
อีกประเด็นหนึ่งที่มีการพูดถึงเป็นอย่างมาก คือรถ 2 ชั้นมันไม่เหมาะกับการเดินทางระยะทางไกลๆ ซึ่งในเมืองนอกเขาใช้ในเฉพาะในเมืองตัว หรือกำหนดให้วิ่งระยะทางสั้นๆเท่านั้น ทว่า ประเทศไทยกลับนำมาใช้วิ่งโดยสารระยะทางไกลๆ ซึ่งทำให้เกิดอุบัติเหตุนำมาซึ่งความสูญเสียครั้งใหญ่อยู่หลายครั้ง
จนทำให้กรมขนส่งฯได้กำหนดและควบคุมมาตรฐานอุปกรณ์ส่วนควบรถโดยสารสาธารณะเพื่อความปลอดภัยใหม่ โดยหั่นความสูงของรถโดยสารสาธารณะ2ชัันลงตามมาตรฐานสากลต้องไม่เกิน 4 เมตรจากเดิมกำหนดไว้ไม่เกิน 4.30 เมตร
จากข้อกำหนดนี้เสมือนการแบนรถทัวร์ 2 ชั้นไปในตัว และอาจสูญพันธุ์ไปในอนาคต เพราะด้วยความสูงเพียง 4 เมตร(จากเดิม4.30เมตร)หากทำเป็น 2 ชั้นแล้วมันไม่ตอบโจทย์ความหรูหราและไม่สะดวกสบาย สู้ไปจดทะเบียนเป็นชั้นเดียวที่ความสูงไม่เกิน 3.80 เมตรแล้วไปต่อความยาวเพิ่มขึ้นน่าจะดูโสภาสถาพรกว่า
ซึ่งทำให้ระยะหลังผู้ประกอบการเมินที่จะยื่นคำขอจดทะเบียนเป็นรถ 2 ชั้นอีกแล้ว และที่เราเห็นหลงเหลือวิ่งบริการในระยะทางไกลในเวลานี้ก็ล้วนแล้วเป็นรถ 2 ชั้นสต๊อกเก่าตามข้อกำหนดเดิม เมื่อกาลเวลาผ่านไปผู้โดยสารในปัจจุบันก็ตื่นตัว&ตาสว่างด้วยโลกข่าวสารมันทิ่มต่อมรับรู้มากขึ้น กอรปกับเกิดโศกนาฎกรรมจากรถทัวร์2ชั้นถี่ขึ้น เป็นต้นทุนอันชอบธรรมไม่อนุญาตให้พวกเขานิยมใช้บริการรถทัวร์ 2 ชั้นเหมือนในอดีตตอนเปิดบริการใหม่ๆเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้วมองว่า“โก้หรูทันสมัย”
ต้องฝากถึงหน่วยงานภาครัฐแล้วล่ะว่าจะเอายังไงดีกับรถทัวร์เก่า 2 ชั้นที่ยังหลงเหลือวิ่งให้บริการระยะไกลอยู่ในเวลานี้ดี หรือแม้แต่รถทัวร์เก่าชั้นเดียวแต่โคตรเสียวไส้ในมาตรฐานและความปลอดภัย บางบริษัทบางคันเน่าแล้วเน่าอีกแถมยังถูกผู้โดยสารรีวิวความห่วยแตกผ่านโลกโซเชียลนับครั้งไม่ถ้วน หรือจะปล่อยให้เป็นแบบนี้บนความไม่ปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้บริการ….ที่บางครั้งทางเลือกมันมีข้อจำกัดสำหรับใครหลายๆคน
… แต่จำใจจำเป็นต้องเลือกแล้วเอาชีวิตมา”เสี่ยงตาย”แบบนี้!หรือต้องมีการสังเวยชีวิตประชาชนอีกกี่ศพ?หน่วยงานภาครัฐถึงจะตื่นจากภวังค์!
:ปีศาจขนส่ง