ทช.ก่อสร้างถนนเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้เสร็จสมบูรณ์แล้ว 39 โครงการกว่า 475 กม.ลุยก่อสร้างส่วนที่เหลืออีก4โครงการกว่า 38 กม.คาดแล้วเสร็จในปี 66 มุ่งพัฒนาโครงข่ายให้ความสมบูรณ์ ส่งเสริมเศรษฐกิจท่องเที่ยวยั่งยืน
นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า ทช.ได้ดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวถนนเลียบชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของอ่าวไทยอย่างยั่งยืน ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง เพื่อพัฒนาโครงข่ายถนนดังกล่าวให้มีความต่อเนื่องให้เป็นถนนท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลระดับสากล ส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวกระจายรายได้สู่ชุมชมอย่างเป็นรูปธรรม ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชน นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวกปลอดภัยในการเดินทาง ตามนโยบายของ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดย ทช.ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างถนนเลียบชายฝั่งทะเลฯ มาตั้งแต่ปี 2552 ถึงปัจจุบัน โดยได้ก่อสร้างไปแล้ว จำนวน 39 โครงการ รวมระยะทาง 475.896 กิโลเมตร และเพื่อให้โครงข่ายถนนเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้มีความสมบูรณ์ต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น ในปี 2565 ทช.จึงได้ดำเนินการก่อสร้างอีก จำนวน 4 โครงการ รวมระยะทาง 38.72 กิโลเมตร ดังนี้
– ถนนทางหลวงชนบทสาย ชพ.4019 สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4002 (กม.ที่ 13+100) –บ้านแหลมสันติ อำเภอหลังสวน, ละแม จังหวัดชุมพร ระยะทาง 19.891 กิโลเมตร ปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 82 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2565 เร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 172.082 ล้านบาท
– ถนนสายเพชรเกษม – สถานีรถไฟทุ่งประดู่ – วัดทับสะแก อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 3.418 กิโลเมตร ปัจจุบันได้เริ่มเข้าพื้นที่ดำเนินการก่อสร้างแล้วเมื่อเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา
คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณช่วงกลางปี 2565 นี้ ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 20.650 ล้านบาท
– ถนนสายบ้านบางคอย – บ้านทุ่งคาน้อย อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ระยะทาง 8.658 กิโลเมตร ปัจจุบันได้เริ่มเข้าพื้นที่ดำเนินการก่อสร้างแล้วเมื่อเดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านมา คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2565 ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 31.984 ล้านบาท
– ถนนสายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4002 (กม.ที่ 13+100) – บ้านแหลมสันติ (ตอนที่ 2) อำเภอหลังสวน, ละแม จังหวัดชุมพร ระยะทาง 6.753 กิโลเมตร ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้ประมาณเดือนพฤษภาคม 2565 และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2566 ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 105.440 ล้านบาท