ถอดบทเรียน”วิบากกรรม”M-Flow ที่(ไม่)โฟลว์จริง!

0
510

กลายเป็นประเด็น Talk of the town ที่ถูกสังคมพูดถึงเป็นวงกว้างแถมยังถูกลากไปกระทำมิดีมิร้ายผ่านคอมเมนต์เชิงลบสนั่นหวั่นไหวในโลกโซเชียลไปแล้วสำหรับระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น หรือ M-Flow ที่ถูกมองว่าไม่โฟลว์โก้หรูสมชื่อจริงหลังกรมทางหลวงได้เปิดให้บริการเต็มรูปแบบใน 4 ด่านนำร่อง(ธัญบุรี1,2และทับช้าง1,2)บนมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 ไปเมื่อ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยชู“จุดขาย”ช่วยแก้ไขปัญหาจราจรแออัดซ้ำซากบริเวณหน้าด่านฯ

ทว่า เพียงแค่วันแรกของการเปิดบริการถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างจากปัญหาที่เกิดขึ้นบนพื้นฐาน“ความไม่พร้อม”ในหลากมิติของภาครัฐโดยเจ้าภาพหลักอย่างกรมทางหลวงไม่ว่าจะเป็นปัญหาการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจกับประชาชนผู้ใช้ทางถูกมองว่า “ล้มเหลว” ปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานหน้าด่าน การบริหารจัดการหน้าด่านไร้ระบบการจัดการที่ดี ระบบการหน้าบ้านเชิญชวนให้ประชาชนสมัครใช้บริการค่อนข้างยุ่งยาก ส่วนหลังบ้านเกี่ยวกับการชำระค่าบริการที่มองว่าไม่เสถียร

Logistics Time ขอใช้พื้นที่นี้ขมวดความสำคัญและเป้าหมายการเปิดให้บริการระบบ M-Flow รวมถึงรากเหง้าปัญหาและผลพวงที่เกิดขึ้นหลังการเปิดให้บริการ และแนวทางแก้ไขจากภาครัฐจะสามารถปลดล็อคปัญหาได้มากน้อยเพียงใดก่อนที่จะขยายบริการไปในเฟสต่อไป ดังนี้

M-Flow ชูธงแก้ปัญหารถติดซ้ำซากหน้าด่าน

ระบบ M-Flow เป็นระบบจัดเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น กรมทางหลวงนำมาเปิดให้บริการโดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดบนทางด่วนและมอเตอร์เวย์ โดยใช้เทคโนโลยี AI มาพัฒนาระบบจัดเก็บค่าผ่านทางด้วยกล้องตรวจบันทึกภาพป้ายทะเบียนรถด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลแบบ Video Tolling แทนการเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติแบบระบบไม้กั้น เปิดทางสะดวกให้ผู้ใช้ทางสามารถขับขี่ผ่านบริเวณด่านฯ โดยไม่ต้องหยุดหรือชะลอรถด้วยความเร็วได้ถึง 120 กม./ชม.

อีกทั้งยังช่วยระบายรถได้ 2,000-2,500 คัน/ชม./ช่องทาง ซึ่งเร็วขึ้นกว่าระบบเดิมที่ใช้อยู่ถึง 5 เท่า รองรับการใช้งานกับรถยนต์ทุกประเภทที่ได้รับอนุญาตให้วิ่งบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหรือทางพิเศษ ทั้งรถยนต์ 4 ล้อ รถยนต์ 6 ล้อ และรถยนต์มากกว่า 6 ล้อขึ้นไป

ส่วสนการชำระค่าบริการนั้นสามารถชำระผ่านวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หลังการใช้บริการ หรือ ระบบ Post Paid ใช้ก่อนจ่ายทีหลังทั้งแบบชำระเป็นรายครั้งหรือชำระตามรอบบิล รวมไปถึงการชำระผ่านเว็บไซต์หรือโมบายแอปพลิเคชันของระบบ M-Flow ตลอดจนการชำระด้วยระบบ QR Code และการชำระผ่านระบบตัดเงินอัตโนมัติ

ทว่า ระบบนี้ผู้ใช้ทางต้องลงทะเบียนผ่านช่องทางต่างๆที่ทางกรมทางหลวงประชาสัมพันธ์ เช่น เว็บไซต์ www.mflowthai. com หรือ Mobile Application MFlowThai หรือผ่านทาง Line OA โดยเพิ่มเพื่อน @mflowthai จะห้ามรถป้ายแดง รถป้ายเลอะเลือนไม่ชัดเจน หรือไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ห้ามเข้ามาใช้ระบบ M-Flow ผ่านเข้าใช้บริการโดยเด็ดขาด

ไม่เป็นดังหวัง!แถมกระทืบซ้ำรถติดหน้าด่านกว่าเดิม

ทว่า หลังการเปิดให้บริการโดยเฉพาะเช้าวันที่ 16 ก.พ.65 กลับพบว่าเกิดปัญหารถติดหน้าด่านมีรถติดมากกว่าเดิมในช่วงเวลาเร่งด่วนในแทบทุกด่าน(4ด่านนำร่อง)มีปริมาณรถสะสมท้ายแถวยาวเหยียดกว่า 5 กม.กลับกลายเป็นว่าผลกระทบกระทืบซ้ำปัญหาการจราจรหน้าด่านฯสาหัสสากรรจ์มากกว่าเดิมซะอีก

ที่ติดขัดอย่างนี้ถูกตั้งข้อสงสัย บ้างก็ว่าปริมาณรถที่เป็นสมาชิก M-Flow มีเพียง“หยิบมือ” แต่กรมทางหลวงดันกันเลนวิ่งเข้าระบบ M-Flow ไว้เกือบครึ่งกินพื้นที่เบียดช่องเดินรถผู้ใช้ทางปกติที่ไม่ได้เป็นสมาชิก ซึ่งมีจำนวนมหาศาลทั้งจากระบบจ่ายเงินสด-Easy Pass และ M-Pass ต้องชิดซ้าย หรืออยู่ตรงเลนกลาง

บ้างก็ว่ามีผู้ใช้ทางหลายรายเกิดความสับสนแล้วหลงเข้าไปวิ่งเลน M-Flow ทั้งที่ไม่ได้ลงทะเบียนเอาไว้จนต้องเสียเวลาจอดรถเพื่อชำระค่าผ่านทางเป็นเงินสด หรือกังวลใจว่างานจะเข้าตัวกับค่าปรับติดสอยห้อยตามไปถึงบ้านหรือไม่?จนต้องจอดรถถามเจ้าหน้าที่กันให้วุ่น!

บ้างก็ว่าบรรดาผู้ที่ไม่ได้สมัครใช้ระบบ M-Flow เมื่อเห็นรถติดสะสมหางแถวยาวเหยียดเหลือบเห็นช่องทางขวาสุดวิ่งเข้า M-Flow มันว่างๆ(จะรออะไรล่ะ)ก็หักออกเข้าไปใช้บริการมันซะเลยก่อนแปรงร่างไปเป็นจอมปาด-แทรกเข้าช่องทางปกติกันข้างหน้า มันจึงทำให้ปริมาณรถสะสมติดขัดวินาศสันตะโรหน้าด่านฯมากกว่าเดิม

ค่าปรับมหาโหด 10 เท่าหากไม่จ่ายภายใน 2 วัน

อีกหนึ่งดราม่าตามมาก็คือมีผู้ใช้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิกแล้วดันเข้าไปใช้บริการช่องทาง M-Flow เบื้องต้นกรมทางหลวงอนุโลมให้วิ่งผ่านไปก่อนได้ เพียงแต่ต้องชำระเงิน ภายใน 2 วัน ถ้าเกินกำหนดจะต้องถูกปรับ 10 เท่า หรือคิดเป็นขั้นต่ำ 330 บาท หากไม่ชำระภายใน 12 วันจะโดนค่าปรับ 10 เท่า + ค่าปรับ 200 บาท และถูกดำเนินคดีตามกฎหมายโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท เช่น ค่าผ่านทางของรถยนต์ 4 ล้อ 30 บาท + ค่าปรับ 10 เท่า (300)+ ค่าปรับ 200 บาท  = 530 บาทและโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท รวมเป็น 5,530 บาท

ปม“ค่าปรับมหาโหด”สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกหากไม่ยอมชำระภายใน 2 วันต้องถูกปรับหนักถึง 10 เท่านี้สังคมมองว่าภาครัฐดูจะใจร้ายกับประชาชนเกินไปหรือไม่?ทั้งๆที่รัฐเองก็รู้อยู่แก่ใจและยอมรับในสารพันปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นก็ล้วนเกิดจากพื้นฐานบนข้อบกพร่องของภาครัฐเองทั้งนั้น แต่ก็ยังยืนยันปรับเข้มจนขมคอตามกรอบวันเวลาที่ขึงตรึงไว้แต่เดิมโดยไม่ยอมผ่อนปรนหรือขยายเวลาให้ประชาชนเขาได้หายใจหายคอได้บ้าง!

ทล.ขออภัยประชาชน รับมีข้อบกพร่องกำลังเร่งแก้ไข

หลังเปิดประเด็นดราม่าตามาเป็นพรวน นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง ออกโรงรับทราบทุกปัญหา ที่เกิดขึ้นและไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ โดยได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่เต็มพิกัดร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง กรมการขนส่งทางบกและหน่วยกู้ภัย เร่งแก้ปัญหารถติดและอำนวยความสะดวกการจราจรบริเวณหน้าด่านเก็บเงินทั้ง 4 ด่านฯ และกรมทางหลวงต้องขออภัยต่อประชาชนผู้ใช้ทางในความไม่สะดวกครั้งนี้ด้วย โดยได้สั่งการให้ดำเนินการเพิ่มเติม คือ

เร่งประชาสัมพันธ์เพิ่มมากขึ้น ติดป้ายประชาสัมพันธ์เพิ่มขึ้นช่วงก่อนถึงด่านเก็บเงิน เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้ทางใช้ช่องทางที่ถูกต้อง นอกจากนี้จะประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนผู้ใช้ทางมอเตอร์เวย์ สมัครลงทะเบียนเป็นสมาชิกใช้งานระบบ M-Flow ให้มากขึ้น โดยเพิ่มการแจกแผ่นพับที่หน้าด่านเก็บเงินมอเตอร์เวย์ และช่องด่านเก็บเงินทางด่วนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย รวมทั้งขอความร่วมมือแจกแผ่นพับในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven

 ส่วนปัญหารถติดขัดหน้าด่านนั้นจะเร่งปรับจำนวนช่องเก็บเงินสด M-Pass และ Easy Pass ให้สอดคล้องกับปริมาณรถผู้ใช้งานของแต่ละด่าน  ติดตั้งแบริเออร์และกรวยยางแบ่งช่องจราจรให้ชัดเจนล่วงหน้า 1 กิโลเมตร เพื่อไม่ให้มีการแทรก หรือเปลี่ยนช่องทางกะทันหันก่อนถึงบริเวณด่านเก็บเงิน ระดมเจ้าหน้าที่ช่วยบริการอำนวยความสะดวกเก็บเงินในช่องทางเงินสด เพื่อสามารถผ่านด่านฯ ได้รวดเร็วขึ้น

ขนส่งฯสแกน“รถต้องห้าม”วิ่ง M-Flow พบขาหลง-มั่วเพรียบ!

ขณะที่ประเด็น “รถต้องห้าม”วิ่งผ่าน M-Flow ไม่ว่าจะเป็นรถป้ายแดง รถป้ายเลอะเลือนไม่ชัดเจน หรือไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่หลงเข้าไปวิ่งทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจจนเกิดปรากฏการณ์ชุลมุนหน้า-หลังด่าน ที่ถูกเจ้าหน้าที่กรมขนส่งฯ-ตร.ทล.ยกมือทักควักมือเรียกหยุดรถเพื่อทำการตรวจสอบ โดยสถิติรถต้องห้ามที่หลุดเข้าไปวิ่งผ่านระบบ M-Flow เอาเฉพาะวันที่15-19 ก.พ.ที่ผ่านมาก็มิใช่น้อยเลยทีเดียว พบว่ามีรถป้ายแดง รถป้ายเลอะเลือนไม่ชัดเจน หรือไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเข้ามาใช้บริการ M-flow จำนวนทั้งสิ้น 1,008 คัน เป็นรถป้ายแดงจำนวน 853 คัน รถป้ายทะเบียนชำรุดลบเลือนจำนวน 90 คัน และรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนจำนวน 65 คัน

สะท้อนให้เห็นอะไรบางอย่างได้ทะลุทะลวงในแง่มุมการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจกับประชาชนที่ถูกตีแสกหน้าว่า “ล้มเหลว”ซึ่งมีหลายเคสที่ไม่รู้ในรายละเอียดและเกิดมิติสับสนกับการใช้ระบบใหม่ช่วงเปิดใหม่ๆนี้บนเส้นแบ่งบางๆ “อนุโลมให้วิ่ง”ได้จนเกิดหลงเข้าไปวิ่งผ่าน ทว่า ก็มีอีกไม่น้อยที่รู้ดีว่ารถตัวเองเป็นรถต้องห้ามวิ่งแต่ก็ดันอยากลอง หรือตีเนียนเข้าไปวิ่ง

ในเรื่องนี้กรมขนส่งฯได้ส่งม้าเร็วลงพื้นที่ประจำการอยู่ใน 4 ด่านร่องที่เปิดให้บริการบนมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 โดยบูรณาการความมือกับเจ้าหน้าที่ตร.ทล.คอยตรวจตราบรรดารถต้องห้ามวิ่งทั้งหลายแล้วเรียกหยุดเพื่อทำการตรวจสอบ/ให้คำแนะนำให้กับผู้ใช้ทางได้รู้แนวทางการแก้ไขต่อไป

กทพ.ถอดบทเรียน ปิดจุดอ่อนก่อนเปิดบริการเฟสแรก พ.ค.นี้

ขณะที่นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) เปิดเผยว่า ได้มอบให้เจ้าหน้าที่รวบรวมปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากกรมทางหลวง(ทล.)ได้เปิดให้บริการ M-Flow เพื่อนำมาเป็นบทเรียนให้ กทพ. ปรับปรุงแก้ไข และปิดจุดอ่อนต่างๆก่อนที่ กทพ.จะเปิดบริการ M-Flow ในระยะ(เฟส) ที่ 1 ประมาณเดือน พ.ค.65 นำร่องบนทางพิเศษ(ด่วน) ฉลองรัช 3 ด่าน ประกอบด้วย ด่านจตุโชติ, ด่านสุขาภิบาล 5-1 และด่านสุขาภิบาล 5-2

เบื้องต้นเท่าที่ทราบเสียงสะท้อนจากประชาชนส่วนใหญ่พบว่า การลงทะเบียนค่อนข้างยุ่งยาก และการประชาสัมพันธ์ยังไม่ทั่วถึงทำให้ขาดการรับรู้  กทพ.จึงต้องพยายามเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้มากขึ้น เพราะทางด่วนมีผู้ใช้บริการค่อนข้างมาก ยอมรับว่าในการเปลี่ยนแปลงต่างๆโดยเฉพาะในช่วงแรกย่อมต้องเกิดปัญหา แต่ก็ต้องพยายามเร่งแก้ไขให้ปัญหาหมดไป

และก่อนที่ กทพ.จะเปิดให้บริการ M-Flow จะมีการเปิดทดสอบระบบเสมือนจริง (Soft Opening) ประมาณเดือน มี.ค.-เม.ย.65 ด้วย เมื่อเปิดบริการแล้วจะได้ไม่เกิดปัญหา และส่งผลกระทบต่อการจราจร ซึ่งในระยะแรกจะเปิดให้บริการช่องจ่ายผ่านบัตรอีซี่พาสและเงินสดคู่ขนานไปกับ M-Flow ก่อน

ก็ได้แต่หวังทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ทราบปัญหาแล้วจะได้ตื่นรู้พร้อมระดัมสรรพกำลังแก้ไขทุกปัญหาให้เข้าที่เข้าทาง สามารถปลดล็อคปัญหารถติดวินาศสันตะโรหน้าด่าน การจราจรทะลุทะลวงวิ่งได้โฟลว์ๆดังคำที่เรียกขาน M-Flow ให้สะเด็ดน้ำก่อนถึงเทศกาลมหาสงกรานต์ที่จะมาถึงนี้อีกคำรบ และก่อนที่จะปล่อยให้เป็นวิบากกรรมของประชาชนบนความบกพร่องของภาครัฐไปมากกว่านี้

...มิเช่นนั้นได้สาด&สวดชยันโต M-Flow ไชโยโห่ไล่เป็นแน่แท้!