กทท.เผยผลดำเนินงานไตรมาสแรกปีงบ’65 ตู้ผ่านท่าขยายตัวดีต่อเนื่อง

0
123

กทท.แจงผลดำเนินงานไตรมาสแรกปีงบ’65 ตู้ผ่านท่าขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยมีเรือเทียบท่าที่ ทกท.และทลฉ. รวม 3,721 เที่ยวเพิ่มขึ้น 13.10% สินค้าผ่านท่า 14.605 ล้านตันเพิ่มขึ้น 2.02% และตู้สินค้าผ่านท่า 2.444 ล้าน ที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น 5.78% คิดเป็นรายได้สุทธิ 3,857 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.75% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า คาดแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 65 ส่งสัญญาณดีขยายตัว 4% ส่วนภาคส่งออกคาดโต 4% ตามอุปสงค์โลกที่ฟื้นสะท้อนการเติบโตตู้สินค้าส่งออกสูงขึ้น

นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานให้บริการเรือ สินค้า และตู้สินค้าผ่านท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.) ท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน (ทชส.) ท่าเรือเชียงของ (ทชข.) และท่าเรือระนอง (ทรน.)ไตรมาสแรก ประจำปีงบประมาณ 2565 (ตุลาคม 2564 – ธันวาคม 2564) โดยเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สรุปดังนี้

 ทกท. เรือเทียบท่า 1,092 เที่ยว เพิ่มขึ้น 15.19% สินค้าผ่านท่า 4.521 ล้านตัน ลดลง 13.97%

  ตู้สินค้าผ่านท่า 0.309 ล้าน ที.อี.ยู. ลดลง 14.90%

 ทลฉ. เรือเทียบท่า 2,629 เที่ยว เพิ่มขึ้น 12.25% สินค้าผ่านท่า 10.084 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 11.31%

  ตู้สินค้าผ่านท่า 2.134 ล้าน ที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น 9.65%

 ทชส.  เรือเทียบท่า 431 เที่ยว ลดลง 19.59% สินค้าผ่านท่า 21,432 ตัน เพิ่มขึ้น 2.39% ตู้สินค้าผ่านท่า 872 ตู้ ลดลง 26.38%

 ทชข.ไม่มีเรือเทียบท่าและไม่มีสินค้าผ่านท่า เนื่องจากการปิดท่าเรือกวนเหล่ย สาธารณรัฐประชาชนจีน ทำให้ปริมาณสินค้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนผ่านแม่น้ำโขงลดลงอย่างมาก

 ทรน. เรือเทียบท่า 59 เที่ยว เพิ่มขึ้น 68.57% สินค้าผ่านท่า 32,974 ตัน เพิ่มขึ้น 127.64% ตู้สินค้า   ผ่านท่า 1,010 ตู้ เพิ่มขึ้น 135.98%

ผลการดำเนินงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ในรอบ 3 เดือน (ตุลาคม 2564 – ธันวาคม 2564)  มีเรือเทียบท่าที่ ทกท. และ ทลฉ. รวม  3,721 เที่ยว เพิ่มขึ้น 13.10% สินค้าผ่านท่า 14.605 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.02% และตู้สินค้าผ่านท่า 2.444 ล้าน ที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น 5.78% คิดเป็นรายได้สุทธิ 3,857 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.75% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ยังคงส่งสัญญาณที่ดี โดยจะขยายตัวเฉลี่ย4% ต่อปี ขณะที่การส่งออกสินค้าคาดว่าจะขยายตัวเฉลี่ยที่ 4% ต่อปี ตามอุปสงค์โลกที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง สะท้อนการเติบโตของตู้สินค้าส่งออกที่สูงขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จากทุกประเทศทั่วโลก รวมทั้งมีการจ้างงานที่ดีขึ้น และการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในสหภาพยุโรป ส่งผลให้ภาคการบริการฟื้นตัว ผลักดันให้เศรษฐกิจยุโรปเติบโตเร็วขึ้น อีกทั้งภาคการผลิตทั่วโลกยังคงขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง