“กทท.-โออาร์”เดินหน้าโครงการ Solar Rooftop สร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ-เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม

0
63

การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) โดย เรือโท ยุทธนา โมกขาว รองผู้อำนวยการ กทท. สายบริหารการเงินและกลยุทธ์องค์กร รักษาการแทน ผู้อำนวยการ กทท. เปิดเผยว่า วันนี้ (14 ธันวาคม 2564) กทท. ร่วมกับ นายชุมพล สุรพิทยานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดพาณิชย์ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในโครงการจัดการพลังงานไฟฟ้าด้วยระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ซึ่งเป็นโครงการภายใต้รูปแบบความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐต่อรัฐ โดยมีแผนพัฒนาเพื่อความทันสมัยควบคู่ไปกับความยั่งยืนในการยกระดับ การบริการด้านพลังงานเพื่อช่วยให้การใช้พลังงานของ กทท. มีความมั่นคง สะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  และช่วยประหยัดงบประมาณรายจ่ายในระยะยาวได้ดียิ่งขึ้น

สำหรับโครงการ Solar Rooftop ดังกล่าว เป็นการติดตั้งแผงโซลาร์รูฟท็อป และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของระบบไฟฟ้าที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการปรับปรุงเสริมโครงสร้างหลังคาที่จะใช้ก่อนติดตั้ง เพื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.) โดยโออาร์เป็นผู้ลงทุนและดำเนินการติดตั้งแผงโซลาร์รูฟท็อปและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วจำหน่ายไฟฟ้าให้ กทท. ในราคาพิเศษตามระยะเวลาในสัญญา เมื่อครบระยะเวลาในสัญญาแล้ว อุปกรณ์ทั้งหมด โออาร์จะส่งมอบให้กับ กทท. เป็นเจ้าของดูแลและเป็นผู้ใช้งานเองต่อไป โครงการนี้ใช้ขนาดพื้นที่หลังคาเพื่อติดตั้งแผง Solar Rooftop ประมาณ 26,450 ตารางเมตร สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าขนาดประมาณ 3.149 MWp สำหรับใช้ภายใน ทกท. โดยจะใช้พื้นที่หลังคาของอาคารโรงพักสินค้า 3 4 5 และ 6 อาคารแผนกรถเครื่องมือทุ่นแรง อาคารโรงพักสินค้าเสริม 4 และอาคารคลังสินค้ารถยนต์ สามารถนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ผลิกระแสไฟฟ้าได้ปีละกว่า 4,998,585 กิโลวัตต์ เทียบเท่ากับกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในครัวเรือน ถึง 2,776 ครัวเรือนต่อปี ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ปีละกว่า 2,910 ตัน หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นปีละ 62,547 ต้นต่อปี    นับว่าเป็นการตอบโจทย์และช่วยส่งเสริมเป้าหมายด้าน Eco Efficiency ได้อย่างมีนัยสำคัญอีกหนทางหนึ่ง

ทั้งนี้ โครงการ Solar Rooftop จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ สร้างความมั่นคงทางพลังงานจาก     แหล่งพลังงานโซลาร์รูฟท็อปที่เพิ่มขึ้นมาอีกระบบหนึ่ง ช่วยให้การดำเนินกิจการมีความต่อเนื่อง และมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ กทท. ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง ด้วยการใช้พลังงานทางเลือกที่มีความสะอาด ปราศจากมลพิษ ควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้มีความเป็นรูปธรรมได้อย่างชัดเจน