บางจากฯ-พม.-ไมโครออยล์-ดีแทค ส่ง“กระทิง”ตู้เติมน้ำมันอัจฉริยะตู้แรกในไทย ยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนท้องถิ่น

0
103

บางจากฯ จับมือพันธมิตรภาครัฐและเอกชน MOU 2 ฉบับ บันทึกข้อตกลง “โครงการเสริมสร้างสวัสดิการให้กับอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.)” และบันทึกข้อตกลง “โครงการพัฒนาตู้เติมน้ำมันอัจฉริยะระบบดิจิทัล” เพื่อร่วมดำเนินการในภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการตู้เติมน้ำมันอัจฉริยะระบบดิจิทัล ภายใต้ชื่อ “ตู้กระทิง”

นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) มีนโยบายส่งเสริมสวัสดิการให้กับ อพม. ด้วยการเข้าร่วมโครงการ “นวัตกรรมตู้น้ำมันชุมชนเพื่อความยั่งยืน” กับบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไมโครออยล์แอนด์รีเทล จำกัด ซึ่งได้ดำเนินการร่วมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 5 จังหวัดในพื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก นครปฐม ราชบุรี สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ อพม. ที่มีความสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯ จัดหาพื้นที่ ที่เหมาะสมในการติดตั้งตู้เติมน้ำมันระบบดิจิทัล 1,000 แห่งทั่วประเทศ ภายในปี 2565 เป็นการนำนวัตกรรมเข้าสู่ชุมชนที่ห่างไกลสถานีบริการน้ำมัน ทำให้ชุมชนสามารถเข้าถึงน้ำมันที่มีคุณภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น การเติมเงินมือถือ และการจ่ายบิลค่าน้ำ – ไฟฟ้า เป็นต้น โดย อพม. ที่เข้าร่วมโครงการนี้จะได้รับสวัสดิการเป็นส่วนแบ่งรายได้และสิทธิพิเศษจากการเติมน้ำมันด้วยตู้เติมน้ำมันระบบดิจิทัล ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว ทั้งนี้ จะทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน สามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) เป้าหมายที่ 9 : สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีความทนทาน ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมและยั่งยืน และส่งเสริมนวัตกรรม

นางพัชรี กล่าวเพิ่มเติมว่า บันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นการเสริมสร้างสวัสดิการให้กับ อพม. ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น จากการทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ มีความประพฤติดี และเสียสละเพื่อสังคม ร่วมกันสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน ทั้งนี้ กระทรวง พม. ขอขอบคุณ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไมโครออยล์แอนด์รีเทล จำกัด ที่เข้ามาร่วมมือกันเสริมสร้างสวัสดิการให้กับ อพม. ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อชุมชนที่ก่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืนในชุมชนพื้นที่ห่างไกล ตามเจตนารมณ์ของ ทั้งสามฝ่ายต่อไป

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากฯ กล่าวว่า ในฐานะผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานที่มุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมสีเขียวเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม บางจากฯ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ตู้เติมน้ำมันอัจฉริยะระบบดิจิทัล “ตู้กระทิง” จะได้มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานให้กับประเทศ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญเพื่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น อีกทั้งยังเป็นช่องทางช่วยเพิ่มรายได้ให้กับ อพม. ในรูปแบบของสวัสดิการ โดยอาศัยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัลและการประสานความร่วมมืออันดีระหว่างภาครัฐและเอกชน

“ตู้กระทิง” เกิดจากการนำเสนอแนวคิดของพนักงานภายในองค์กรที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมองค์ความรู้ใหม่ ๆ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม สามารถนำไปต่อยอดสู่การสร้างธุรกิจได้ ซึ่งในวันนี้มีการลงนามข้อตกลง อีก 1 ฉบับ “โครงการพัฒนาตู้เติมน้ำมันอัจฉริยะระบบดิจิทัล” ระหว่าง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ไมโครออยล์แอนด์รีเทล จำกัด และบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด โดยบางจากฯ จะทำงานร่วมกับ ไมโครออยล์และดีแทคในการดำเนินการติดตั้งและบริหารตู้เติมน้ำมันและจัดทำระบบสื่อสารเพื่อใช้ในการจัดตั้งเครือข่ายตู้กระทิงในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ทำให้ตู้กระทิงเป็นแพลตฟอร์มให้บริการน้ำมันคุณภาพที่เข้าถึงระดับชุมชนเล็ก ๆ ช่วยส่งเสริมโอกาสในการเข้าถึงพลังงานที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน และต่อยอดขยายไปสู่บริการ อื่น ๆ นอกเหนือจากบริการด้านน้ำมันในอนาคต เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในท้องถิ่นได้อย่าง รอบด้าน

นายสกล สัจเดว กรรมการผู้จัดการ บจ.ไมโครออยล์แอนด์รีเทล (Micro OR) กล่าวว่า บริษัทมีความยินดีที่ได้ร่วมกับบริษัท บางจากฯ และบริษัท โทเทิล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น พัฒนานวัตกรรมตู้น้ำมันอัจฉริยะและนำพานวัตกรรมนี้สู่ชุมชน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ได้รับบริการที่ครอบคลุมความต้องการในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเติมน้ำมันที่มีคุณภาพและการเติมเงินชำระบิลและบริการอีกมากมายได้ที่ตู้นี้ตลอด 24 ชม. และขอขอบคุณกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ร่วมเล็งเห็นถึงคุณค่าของโครงการนี้ด้วยการ นำตู้กระทิงไปติดตั้งและนำส่วนแบ่งรายได้มอบให้กับอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) เพื่อเป็นขวัญกำลังใจที่เสียสละเพื่อสังคมตลอดมา โดยทาง Micro OR จะมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมดี ๆ ออกมาเพื่อประโยชน์ของสังคมและส่งเสริมให้มีธุรกิจเริ่มต้นในชุมชน หรือ Micro Startup ในระดับชุมชนเพื่อความเข้มแข็งของชุมชนและเกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชนต่อไป

นายซาดัท อิบเน ซามาน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจองค์กร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า ดีแทคมีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับบริษัท บางจากฯ และบริษัท ไมโครออยล์ฯ นำนวัตกรรมไปสู่ชุมชนด้วยตู้กระทิง ตู้เติมน้ำมันอัจฉริยะตู้แรกของไทยที่ใช้เทคโนโลยี IoT ซิมการ์ดจาก dtact business ที่สามารถตรวจสอบปริมาณการเติมน้ำมันต่อครั้ง จำนวนเงินที่เติม ตลอดจนความถี่พฤติกรรมการใช้งานที่นำความเชี่ยวชาญจาก dtac business มาเชื่อมต่อข้อมูลด้วยซิมการ์ดประเภทรับส่งดาต้า (data simcard) เพื่อใช้สำหรับควบคุมและประมวลผลข้อมูลการทำงานของตู้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งหากตู้ไหนขัดข้องหรือพบพฤติกรรมการใช้งานผิดปรกติ ระบบจะส่งข้อมูลไปยังหน่วยควบคุมกลางเพื่อทำการตรวจสอบทันที ทั้งยังสามารถนำข้อมูลจากระบบมาศึกษาวิเคราะห์และพัฒนาธุรกิจตู้เติมน้ำมันระบบดิจิทัลเพื่อพัฒนา business model และกระบวนการทำงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิ ภาพและเหมาะสมต่อไป

ความร่วมมือครั้งนี้ยังร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์แผนในการขยายธุรกิจ รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายธุรกิจในรูปแบบธุรกิจอื่น ๆ ที่เหมาะสมในอนาคต เช่น ธุรกิจแฟรนไชส์ ธุรกิจตัวแทนจำหน่าย หรือธุรกิจอื่นๆ ที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต โดยในเบื้องต้นตู้กระทิงที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี IoT ซิมจาก dtac business จะช่วยอำนวยความสะดวกให้คนในท้องถิ่นสามารถเติมน้ำมันจากตู้ในชุมชนใกล้บ้าน โดยไม่ต้องขับขี่รถจักรยานยานต์ออกถนนใหญ่ เดินทางได้ปลอดภัย ลดอุบัติเหตุลงได้ส่วนหนึ่งอีกด้วย

“บางจากฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นผลงานจากการนำเสนอแนวคิดของพนักงานมาสู่อีกหนึ่งรูปแบบของการทำธุรกิจที่มีพันธมิตรจากหลายภาคส่วนมาร่วมกันนำเทคโนโลยีโดยมาช่วยสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนท้องถิ่น ทั้งสร้างรายได้และโอกาสในการเข้าถึงน้ำมันที่มีคุณภาพ เป็นไปตามพันธกิจของบริษัท “สร้างสรรค์นวัตกรรมสีเขียวที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า พร้อมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ได้รับการไว้วางใจและสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และส่งเสริมการพัฒนาของสังคมอย่างยั่งยืน” นายชัยวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย