บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ ประกาศผลดำเนินธุรกิจในไตรมาส 3 ปี 2564 ที่น่าพอใจ สร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง ด้วยรายได้จากการขายรวม 1,161 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 38,218 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 147 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 530 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 17,432 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 72 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 106 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,489 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 763 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือการปรับตัวสูงขึ้นของราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติจากการฟื้นตัวของสถานการณ์โควิด-19 ในหลายประเทศ ทำให้มีความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการผลิตและการบริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมุ่งมั่นเสริมสร้างศักยภาพในการพัฒนาต่อยอดระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่มบ้านปู (Banpu Ecosystem) ให้แข็งแกร่งและครบวงจรยิ่งขึ้น พร้อมส่งมอบอนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน (Smarter Energy for Sustainability)
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บ้านปูมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะจากกลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน ซึ่งมีรายได้เติบโตจากราคาขายที่สูงขึ้น ประกอบกับการดำเนินการตามแผนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตที่สามารถรองรับความไม่แน่นอนของราคาและความต้องการของกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ด้านพลังงาน จึงเป็นโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในช่วงราคาตลาดปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ มีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง พร้อมขยายพอร์ตธุรกิจเพื่อเสริมระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่มบ้านปู โดยเฉพาะธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงานตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ที่สอดคล้องกับเทรนด์พลังงานในอนาคต รวมถึงความต้องการและคาดหวังในเรื่องความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม”
ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2564 ทั้ง 3 ธุรกิจหลักของบริษัทฯ มีผลประกอบการดังนี้
กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน (Energy Resources) มีผลประกอบการที่ดีจากราคาขายถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่เฉลี่ยเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับแนวโน้มราคาในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลาย ๆ ประเทศที่เริ่มมีการฟื้นฟูภาคเศรษฐกิจ และภาวะการตึงตัวของอุปทานในตลาด ประกอบกับสภาพภูมิอากาศในจีนที่เข้าสู่ฤดูหนาว โดยธุรกิจเหมืองมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ในไตรมาส 3 ที่ 399 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 13,134 ล้านบาท) ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติ มี EBITDA ไตรมาส 3 ที่ 122.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4,030 ล้านบาท)
กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน (Energy Generation) ในไตรมาส 3 บริษัทฯ มี EBITDA 2.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 85 ล้านบาท) อ่อนตัวลงเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า สำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (Combined Heat and Power: CHP) 3 แห่งของบริษัทฯ ในจีน รวมไปถึงโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวง (Shanxi Lu Guang: SLG) ซึ่งยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้รับผลกระทบจากต้นทุนถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นแต่ยังสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่โรงไฟฟ้าเอชพีซีในสปป.ลาว และโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีในไทยยังสามารถผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าด้ายค่าความพร้อมจ่าย (EAF) ในระดับที่ดี ส่วนโรงไฟฟ้า นาโกโซ (Nakoso) ในญี่ปุ่นยังสามารถสร้างผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่อง ด้านธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในจีนและญี่ปุ่นคงประสิทธิภาพการจ่ายไฟได้เป็นอย่างดี แม้สภาพภูมิอากาศไม่เอื้ออำนวย นอกจากนี้ การลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ CCGT “Temple I” ในสหรัฐอเมริกา ได้เสร็จสิ้นกระบวนการซื้อขายเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน (Energy Technology) ในไตรมาส 3 บริษัทฯ มี EBITDA 5.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 179 ล้านบาท) ในขณะที่บริษัทฯ ยังคงเร่งเดินหน้าลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและ โซลูชันด้านพลังงานที่มีศักยภาพสูง โดยได้ขยายและพัฒนาบริการของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (E-mobility Platform) และธุรกิจการจัดการใช้พลังงาน (Energy Management Solutions) ด้วยการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในในบริษัท เอ็นจี เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จํากัด ซึ่งดำเนินธุรกิจครอบคลุมตั้งแต่การจัดหา ติดตั้ง ดำเนินการดูแลรักษา รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพระบบและอุปกรณ์ด้านการใช้พลังงาน เช่น ระบบอัดอากาศ ระบบทำความเย็นภายในอาคารหรือโรงงานอุตสาหกรรม ทั้งนี้ถือเป็นการเสริมแกร่งระบบนิเวศพลังงานฉลาดของบ้านปู เน็กซ์อย่างเต็มรูปแบบ
นอกจากนั้น ในเดือนพฤศจิกายนบริษัท BPIN Investment Co., Ltd. (BPINI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายเพื่อขายหุ้นทั้งหมดที่ถือในบริษัท Sunseap Group Pte., Ltd. (Sunseap) ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในสิงคโปร์ การดำเนินการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการการลงทุน (Portfolio Rationalization) เพื่อสร้างความเติบโตในธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้นตามแผนกลยุทธ์ Greener & Smarter ต่อไป
บ้านปูยังคงมุ่งมั่นในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนภายใต้หลัก ESG (Environmental, Social and Governance) ควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าและความไว้วางใจให้กับผู้มีส่วนได้เสียและสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบ้านปูได้รับรางวัลเกียรติยศบริษัทจดทะเบียนด้านความยั่งยืน (Sustainability Awards of Honor) จาก SET Awards 2021 ในกลุ่ม Sustainability Excellence ต่อเนื่องกันปีนี้เป็นปีที่ 4 และยังได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อ “หุ้นยั่งยืน” (Thailand Sustainability Investment: THSI) ประจำปี 2564 ต่อเนื่องกันปีนี้เป็นปีที่ 7
“บ้านปูยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG ไปพร้อมกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของประเทศไทยและระดับโลก โดยพร้อมให้การสนับสนุนความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทย และรัฐบาลในทุกประเทศที่บ้านปูเข้าไปดำเนินธุรกิจ รวมทั้งร่วมมือกับประชาคมโลกเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC COP) สมัยที่ 26 หรือ COP26 โดยบริษัทฯ จะดำเนินมาตรการในด้านต่าง ๆ เพื่อลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง และมุ่งลงทุนในธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าหมายการมี EBITDA จากธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงานในสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 50 ภายในปี 2568” นางสมฤดี กล่าวปิดท้าย