แรงกระเพื่อมจากการเคลื่อนพลพรึ่บพรั่บเต็มถนนเมื่อ 19 ต.ค.ของพลพรรคสิบล้อเพื่อแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ไปตาม6ถนนสายหลักรอบนอกกรุงเทพฯและปริมณฑล สะท้อนถึงความมเดือดร้อนทั่วท้องทุ่งขนส่งจากพิษราคาน้ำมันดีเซลพุ่งทะลุฟ้า ทิ้งบอมบ์ 3 ข้อเรียกร้องกดดันรัฐเร่งออกมาตรการแก้ปัญหา พร้อมขีดเส้นตาย 31 ต.ค.นี้ขู่หากไม่คืบหน้าจะยกระดับการเคลื่อนไหวกัดดันต่อไป หนักสุดประกาศหยุดวิ่งขนส่งสินค้าทั่วประเทศ 40%
ถนนทุกสายต่างพุ่งตรงจับตาความเคลื่อนไหวรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานจะออกมาตรการด่วนเพื่อบรรเทาผลกระทบประชาชนจากเหตุราคาน้ำมันดีเซลพุ่งกระฉูดแตกนี้อย่างไรบ้าง? โดยเฉพาะ 3 ข้อเรียกร้องสุดท้าทายวัดใจรัฐบาลจะยอมลดราวาศอกหรือไม่?ทั้งการตรึงราคาดีเซล 25 บาทต่อลิตร/ลดภาษีสรรพสามิตลง 5 บาท/เลิกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯเป็นเวลา1ปี
“พลังงาน”ทุบกองทุนน้ำมันฯอุ้มดีเซลไม่พอกู้2หมื่นล้าน
ล่าสุด รองนายกฯและเจ้ากระทรวงพลังงาน“สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์”คนเก่าคนเดิมออกโรงเผยหลังการประชุมกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.)ว่าที่ประชุมกบง.มีมติเห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยกำหนดให้มีการจำหน่ายน้ำมันดีเซลกลับไปเป็น 3 เกรดเหมือนเดิม คือ บี7 บี10 และบี20มีผลตั้งแต่1พ.ย.64เป็นต้นไปหลังปรับลดเหลือเกรดเดียว คือบี6
และกำหนดให้ส่วนต่างราคาขายปลีกระหว่างบี7 กับบี10 อยู่ที่ 0.15 บาทต่อลิตร และส่วนต่างราคาขายปลีก บี7 กับบี20 อยู่ที่ 0.25 บาทต่อลิตร โดยยังคงค่าการตลาดกลุ่มน้ำมันดีเซลไม่เกิน 1.40 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่ 1 พ.ย.นี้เป็นต้นไป และตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลทั้ง 3 เกรดไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรโดยใช้เงินจากกองทุนน้ำมันฯที่ล่าสุด ณ วันที่ 17 ต.ค.2564 มีฐานะกองทุนฯอยู่ที่ 9,207 ล้านบาท) หากไม่พอสามารถใช้สิทธิ์ตามพ.ร.บ.กองทุนน้ำมันฯพ.ศ.2562พิจารณากู้ได้อีกไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท
ปิดประตูตาย?ข้อเรียกร้องสิบล้อตรีงดีเซล25บาทต่อลิตร1ปี
จากถ้อยแถลงรมว.พลังงานจากมาตรการนี้แล้วหลายฝ่ายวิเคราะห์กันว่าภาครัฐคงคาดการณ์ล่วงหน้าว่ากับเงินกองทุนน้ำมันฯที่เหลือบวกกับที่จะไปกู้มาอีก 2 หมื่นล้านบาทเพื่อตรึงดีเซลไม่ให้เกิน30บาทต่อลิตรนี้ น่าจะยื้อเวลาวิกฤติไปได้อีกประมาณ 3-4เดือนจากนี้ไป และเมื่อถึงเวลานั้นซีกโลกตะวันตกผ่านพ้นช่วงฤดูหนาวไปแล้ว ดีมานด์ในการใช้น้ำมันก็จะเริ่มลดลง แต่ก็ต้องภาวนาด้วยว่าราคาน้ำมันดิบตลาดโลกต้องไม่เกิน 87.5 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลทุกอย่างถึงคลี่คลาย
ดังฉะนั้นข้อเรียกแรกที่พลพรรคสิบล้อขอมาให้ตรึงดีเซล 25 บาทต่อลิตรเป็นเวลา 1 ปีดูทิศทางลมแล้วน่าจะเป็นไปได้ยากจริงๆ เพราะลำพังแค่กัดฟันตรึงไม่ให้เกิน30บาทต่อลิตร3-4เดือนนี้รัฐบาลก็เต็มกลืนจนฟันจะหักหมดปากแล้ว ไหนต้องควักเงินจากกองทุนน้ำมันฯจนหมดเกลึ้ยงซ้ำยังต้องไปกู้มาอีก 2 หมื่นล้านบาท ดังนั้นเป็นไม่ได้ที่รัฐบาลจะยอมรับข้อเรียกร้องตรึงดีเซล25บาทต่อลิตรเป็นเวลา1ปี
รัฐใบ้หวย2ตัวตรง?ยอมถอยลดภาษีสรรพสามิต
ต่อข้อเรียกร้องที่ 2 ที่พลพรรคสิบล้อขอมา คือการขอให้รัฐบาลช่วยลดภาษีสรรพสามิตลง 5 บาทเป็นเวลา 1 ปี ดูเหมือนท่านรมว.พลังงงานจะใบ้หวย2ตรงหรือไม่?เพราะจากการให้สัมภาษณ์ที่ว่าหากในกรณีราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทะลุเกิน 87.5 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล หรือไม่ก็สถานะภาพกองทุนน้ำมันฯไม่เพียงพอสำหรับการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรได้ จะประสานกระทรวงการคลังเพื่อ “ปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิต”เป็นลำดับต่อไป
ไม่รู้จะเป็นหวย 2 ตัวตรงถูกใจใช่เลยกลุ่มขนส่งหรือไม่?แปลความจากบทสัมภาษณ์ของท่านรมว.พลังงานแล้วตีความหมายได้ว่ารัฐจะยอมปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตลงก็อาศัย 2 ปัจจัยมาเป็นบีบบังคับ อย่างแรกคือราคาน้ำมันดิบตลาดโลกต้องสูงทะลุเกิน 87.5 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลนานติดต่อกันหลายเดือน ผสมแรงบวกจากปัจจัยที่สองคือเงินในกองทุนน้ำมันฯ(รวมที่จะไปกู้มาอีก2หมื่นลบ.)หมดเกลี้ยง
กลุ่มสิบล้อจ่อโดนเท-แกงทั้ง 3 ข้อเรียกร้อง
ถึงเวลานั้นรัฐบาลคงจำเป็นต้องปรับลดภาษีสรรพสามิตลงบ้าง แต่คงไม่หาญกล้าปรับลดถึง 5 บาทต่อลิตรและลากยาวเป็นเวลา 1 ปีอย่างที่กลุ่มขนส่งเรียกร้อง เพราะนี่คือ“ขุมทรัพย์”ของกรมสรรพสามิตที่ปีหนึ่งเก็บได้กว่า 2.4 แสนล้านบาท และคงคาดการณ์ล่วงหน้าไว้แล้วว่าสถานการณ์น่าจะคลี่คลายลงหลังจากนี้ไป 3-4 เดือน
เมื่อวิเคราะห์จากมาตรการด่วนที่เจ้ากระทรวงพลังงานร่ายมานี้ผ่านข้อเรียกร้องแรกซึ่ง“ยากส์มาก”ที่รัฐบาลจะยอมถอยสุดซอยตรึงดีเซลในราคา 25 บาทต่อลิตรเป็นเวลา 1 ปี ขณะที่ข้อเรียกร้องที่สองประตูไม่ปิดเลยซะทีเดียวก็ยังพอมีช่องให้รัฐบาลยอมปรับลดภาษีสรรพสามิตลงบ้าง ทว่า ก็ต้องอาศัย2ปัจจัยที่กล่าวเป็นตัวบีบรัด ส่วนข้อสุดท้ายปิดประตูลั่นดานไปได้เลยที่จะยอมยกเลิกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯเป็นเวลา 1 ปี
เพราะเงินกองทุนน้ำมันเท่าที่หลงเหลือ ณ ปัจจุบันก็ยังไม่พอยาไส้และไหนต้องไปกู้มาถมอีก 2 หมื่นล้านบาทบานตะไทยาวไปๆแล้วจะเอาที่ไหนมาเป็นกองทุนน้ำมันฯหากไม่ก้มหน้าก้มตาเก็บต่อไป สรุปแล้ว3ข้อเรียกร้องที่พลพรรคทิ้งบอมบ์ไปดูจากทิศทางลมปากเจ้ากระทรวงพลังงานแล้วแทบจะถูกเท-แกงทุกข้อเรียกร้อง
ลงถนนเพราะเดือดร้อนเพียวๆไม่เอี่ยวการเมือง
ท่ามกลางกระแสข่าวหนาหูว่าการแห่ออกมาแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ชนิดมืดฟ้ามัวดินของพลพรรคสิบล้อ เพราะมีเอี่ยวกับพลังงานพิเศษบางอย่างจากพรรคการเมืองไหนหนุนหลังให้ออกมาป่วนเมืองหรือเปล่า?หรือมีอีแอบนักการเมืองคนไหนซ่อนตัวหลบอยู่หลังเทรลเลอร์-ตู้คอนเทนเนอร์รถบรรทุกหรือไม่?หรือเป็นการสำแดงศักยภาพปูทางสู่เส้นทางการเมืองของใครหรือไม่?อย่างไร?
ในเรื่องนี้ประมุขสิบล้อเมืองไทย“อภิชาติ ไพรรุ่งเรือง”ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดอกยืนยันว่าพวกเราเดือดร้อนถึงได้ออกมาแสดงตัวตนและอยากสะท้อนให้ภาครัฐเห็นใจและยอมรับในข้อเสนอที่เรียกร้องไป พร้อมสำทับว่าที่ออกมาจำนวนมากในวันนี้“ไม่ได้อิงการเมือง”แม้แต่นิดอันนี้เรายืนยันได้ ที่ทำไปด้วยเพราะ“ความเดือดร้อน”ของภาคประชาชนและกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งที่ทนแบกต้นทุนและขาดทุนนานร่วม2ปีแล้ว และสิ่งที่เรียกร้องไปก็อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ
2ขีดเส้นตาย3ข้อเรียกร้องภายใน 31 ต.ค.นี้เท่านั้น
ต้องจับตาแนวทางความเคลื่อนไหวตอบโต้รัฐของกลุ่มขนส่งหลังเห็นทิศทางการแก้ปัญหาน้ำมันแพงผ่านมาตรการเร่งด่วนจากภาครัฐนี้แล้ว จะเดินหน้ากดดันรัฐด้วยไม้เด็ดอะไรหรือยกระดับการศึกกดดันรัฐบาลอย่างไรบ้าง?
โดยประมุขสิบล้อเมืองไทยระบุว่ากลุ่มผู้ประกอบการขนส่งได้ขีดเส้นตายให้ภาครัฐพิจารณา3ข้อเรียกร้องภายใน 31 ต.ค.นี้เท่านั้น จากนั้นหากยังไม่คืบหน้าจะยกระดับการเคลื่อนไหวต่อไป โดยจะยึดแนวทางจะให้มีผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนผู้ใช้บริการและผู้บริโภคให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งมีทั้งหมด 4 ขั้นตอนสุดท้ายคือประกาศหยุดวิ่งขนส่งสินค้าทั่วประเทศ 40% ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่อยากให้ถึงขั้นนั้น จึงอยากวิงวอนให้รัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหานี้โดยด่วน
จับตา! Truck Power ภาค 2
ต้องจับตาเป็นพิเศษสำหรับความเข้มข้นต่อการยกระดับเคลื่อนไหวหลังวันขีดเส้นตาย 31 ต.ค.นี้ว่าพวกเขาจะเดินเกมเคลื่อนไหวขยี้ต่ออย่างไร?หากรัฐบาลยังยืนกระต่ายขาเดียวที่จะตรึงดีเซลไม่ให้เกิน30บาท/ลิตร โดย No สน No แคร์กับ 3 ข้อเรียกร้อง แต่ดูทิศทางลมที่ได้กระแสตอบรับชนิดมืดฟ้ามัวดินจากพลังสิบล้อทั่วทิศทั่วไทยในวันนี้ บอกเลย2คำ“จุดติด”แล้ว
ดังฉะนั้นหากรัฐยังเมินเฉยต่อ 3 ข้อเรียกร้อง อาจกลายเป็นแรงดึงดูดและใบเบิกทางให้กลุ่มขนส่งยกระดับเคลื่อนไหวออกมากดดันรัฐบาลที่เข้มข้นมากขึ้นกับการรวมพลังเชิงสัญลักษณ์เคลื่อนพลลงถนนในภาค 2 แน่นอน
สรุปแล้วแรงเหวี่ยงจึงจากเคลื่อนไหวของกลุ่มสิบล้อในครั้งนี้เป็นภาพสะท้อนชัดในหลายมิติความเดือดร้อนทั้งผลกระทบจากภาวะวิกฤติโควิด-19 ที่กินเวลาร่วม 2 ปี ผสมโรงกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในช่วงขาลง และสถานการณ์น้ำมันแพง กลายเป็นแม่น้ำ 3 สายไหลพัดเป็นความเดือดร้อนให้พวกเขาจำเป็นต้องออกมาเคลี่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพงและโครงสร้างพลังงานไทย
….มิเช่นนั้นอาจรวบตึงกลายเป็นระเบิดเวลาได้!